ramahealthy

กระเจี๊ยบ

กระเจี๊ยบ

กระเจี๊ยบ

กระเจี๊ยบเขียวเป็นพืชสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมรับประทาน ไม่ว่าจะใส่ใน ซุป สลัด หรือเสิร์ฟกับซอสพริก ฝักกระเจี๊ยบมีความกรุบกรอบอร่อย อีกทั้งยังมีสารอาหารและสรรพคุณทางยามากมาย ทำให้ไม่เพียงแค่อยู่ในเมนูอาหารของคนไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในอินเดียและญี่ปุ่นด้วย

ข้อมูลทั่วไป

กระเจี๊ยบเขียวจัดเป็นไม้ล้มลุกขึ้นได้ดีลำต้นและกิ่งก้านสีเขียว แต่บางครั้งใบมีจุดสีม่วง มีขนอ่อนปกคลุม และเป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่ โคนใบมีเส้นใบ 3-7 เส้น ปลายใบแหลม ดอกมีสีเหลืองอ่อน โคนกลีบดอกด้านในสีม่วงแดงเข้ม ส่วนผลมีลักษณะเป็นฝักยาวปลายแหลมคล้ายนิ้วมือ ฝักมีขนนุ่มปกคลุม ถ้าฝักอ่อน จะเป็นสีเขียว เมื่อเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ฝักอ่อนมีรสหวาน กรอบ เผ็ด จึงนิยมรับประทานเป็นอาหาร ฝักสุกมีเนื้อเหนียว อย่ากินความนิยม

 

ต้นกำเนิดของกระเจี๊ยบคิดว่ามาจากประเทศซูดาน ทวีปแอฟริกา ก่อนจะแพร่กระจายไปทั่วโลก กระเจี๊ยบเรียกว่า Bhindi ในอินเดีย Bamiyah ในตะวันออกกลาง และเรียกว่ากระเจี๊ยบเขียวและมะเขือม่วงในประเทศไทย ในประเทศพม่า มะเขือเปราะ มะเขือเปราะ มะเขือเปราะ ภาคอีสานเรียกว่า ถั่วแปบ และกระเจี๊ยบเขียวเป็นเนื้อที่ปลูกมากที่สุด ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดนครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี นครนายก ราชบุรี ระยอง พิจิตร สุพรรณบุรี สมุทรปราการ และจังหวัดกาญจนบุรี

สรรพคุณ

  1. ให้สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

 

สุขภาพดีและมีพลังเมื่อนำส่วนฝักและเมล็ดมารวมกัน เพราะให้พลังงานมากถึง 33 แคลอรีเมื่อวัดจากฝักและเมล็ดแห้ง 100 กรัม และมีสารอาหารหลากหลายทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไฟเบอร์ โดยเฉพาะโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินเอ ซึ่งจะช่วยบำรุงประสาทตาและสมองให้ทำงานได้ดี รวมทั้งมี แคลเซียม ที่ช่วยให้กระดูกแข็งแรง

 

2.และสามารถป้องกันการเกิดแผลได้ดีมากในทางเดินอาหารนั้นเอง

 

การรับประทานกระเจี๊ยบเขียวยังดีต่อลำไส้ เนื่องจากสารเมือกใน “ผลไม้” หรือ “ฝักกระเจี๊ยบ” เช่น เพคตินและกัม (Gum) สามารถช่วยเคลือบแผลในทางเดินอาหารได้ ยังช่วยยับยั้งแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้แผลในกระเพาะอาหารไม่ลุกลามอีกด้วย

 

3.ช่วยรักษาโรคเบาหวาน

 

พบไฟเบอร์ทั้งหมด 22 เปอร์เซ็นต์ในฝักและเมล็ดกระเจี๊ยบเขียว ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นไฟเบอร์ที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ รักษาระดับการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้ใหญ่สามารถขัดขวางการดูดซึมคอเลสเตอรอลและลดปริมาณไขมันในเลือด กระเจี๊ยบเขียวเป็นผักที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นอย่างมาก การศึกษาชิ้นหนึ่งได้ทดสอบสารสกัดจากเมล็ดกระเจี๊ยบและผิวหนัง ฉีดเข้าช่องท้องของหนูทดลองสำหรับผู้ป่วยเบาหวานในขนาด 60 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. พบว่าสารสกัดดังกล่าวอาจมีฤทธิ์ต้านเบาหวาน การลดลงอย่างมากในเลือดของหนูทดลองโดยการลดระดับกลูโคส แม้ผลการทดลองจะเป็นเพียงการทดลองกับสัตว์ ไม่มีการทดลองในมนุษย์ แต่เชื่อกันว่าอาจช่วยรักษาโรคเบาหวานได้เช่นกัน

 

4.ช่วยรักษาระบบย่อยอาหารและป้องกันอาการท้องผูก

 

ประโยชน์อีกอย่างของไฟเบอร์ในฝักกระเจี๊ยบเขียวคือช่วยในการทำงานของลำไส้ อำนวยความสะดวกในการดูดซึมสารอาหารและสร้างระบบขับถ่ายที่ดีเพื่อให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ราบรื่นซึ่งช่วยป้องกันอาการท้องผูก นอกจากนี้ยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ใยอาหารของกระเจี๊ยบเขียวจับกับน้ำดีในตับซึ่งปกติจะจับกับสารพิษที่ร่างกายต้องการขับออกทางลำไส้เมื่อขับออกทางอุจจาระ ไม่ก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในร่างกาย

 

5.บำรุงระบบทางเดินปัสสาวะและโรคเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์

 

ในการแพทย์แผนจีนจะใช้ราก เมล็ด และดอกกระเจี๊ยบ ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ในอินเดียใช้ฝักต้มน้ำดื่ม ช่วยขับปัสสาวะขณะมีอาการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะและทางเดินปัสสาวะ หรือขณะปัสสาวะ นอกจากนี้ ชาวอินเดียยังรับประทานฝักกระเจี๊ยบเขียว รักษาโรคหนองในและราก bisque ต้มน้ำสำหรับซิฟิลิส



ติดดตามเรื่องสุขภาพได้ที่ : สมุนไพรรักษาโรค

 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : ramahealthy

ติดต่อสอบถาม และ เข้าร่วมกิจกรรม ได้ที่ LINE : @UFA656

โปรดยืนยันว่าคุณบรรลุข้อกำหนดด้านอายุตามกฎหมาย (18 ปีขึ้นไป) เพื่อดำเนินการต่อ