ramahealthy

การกินอาหารคีโต

การกินอาหารคีโต

การกินอาหารคีโต

แม้ว่าการรีบสั่งน้ำกีวี่ไก่ชีสเค้กหรือชานมไข่มุกที่โด่งดังนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่เสือพ่นไฟนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การเลือกอาหารที่เหมาะสมเพื่อควบคุมน้ำหนักก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ยากเกินกว่าที่เราจะทำได้ ในบรรดาการไดเอทหลาย ๆ แบบ การไดเอทคีโตก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการเลือกไดเอท ที่กำลังมาแรงในตอนนี้หากใครไม่รู้ว่าคีโตนคืออะไร การกินนั้นสำคัญไฉนและต่างจากการลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นอย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ . เรามาเริ่มกันที่ Ketogenic Diet หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “Ketogenic Diet” ซึ่งเป็นหลักการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงและโปรตีนสูง ซึ่งจะต้องตัดคาร์โบไฮเดรตให้มากหรือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในแต่ละมื้อ เป้าหมายคือให้ร่างกายสลายไขมันจนสร้างสารที่เรียกว่าคีโตนซึ่งช่วยในการเผาผลาญ จึงถือเป็นวิธีที่น่าสนใจในการควบคุมน้ำหนักด้วยการกิน อาหาร Ketogenic แบ่งออกเป็นสามประเภทกว้าง ๆ 

คีโตเจนิคไดเอทเน้นไขมันจากธรรมชาติเป็นหลัก หรือไขมันดีจากไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFA: กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว) และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (PUFA: กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน) ได้แก่

ถั่วต่าง ๆ เช่น พิสตาชิโอ อัลมอนด์ วอลนัท เป็นต้นน้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันคาโนล่า น้ำมันรำข้าว น้ำมันข้าวโพด อาโวคาโด

เนย ชีส ปลาทะเล เนื้อหมู ไก่ เนื้อ ไข่ ถั่วเหลือง เต้าหู้ ถั่ว ถั่วชิกพี เมล็ดฟักทอง

เทมเป้

กลุ่มคาร์โบไฮเดรต 5%

นี่คือการไดเอทแบบคีโตและควรให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ทำได้ยาก เพราะเป็นหมู่อาหารหลักที่คนไทยนิยมรับประทานกันทุกมื้อ หากสามารถลดน้ำหนักได้ตามอัตราส่วนที่เหมาะสมก็จะส่งผลดีต่อการควบคุมน้ำหนักด้วย กลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำควรมาจากผัก ผลไม้ หวานน้อย มะพร้าว และนมอัลมอนด์ เป็นต้น ปริมาณรวมต่อวันไม่ควรเกิน 1½ ถ้วย หรือประมาณ 3 กำมือเล็กๆ หากทำตามอาหารคีโตเจนิค คือการลดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตให้เหลือประมาณ 20-50 กรัมต่อวัน อัตราส่วนทั้งสามนี้เป็นการกระจายพลังงานที่เหมาะสมที่ร่างกายควรได้รับทุกวัน คำแนะนำอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อลดน้ำหนักตามหลักคีโตและบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ข้าว บะหมี่ บะหมี่ พาสต้า นม น้ำตาล เค้ก แอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น อาหารทอด เนื้อสัตว์แปรรูป และครีมเทียมที่ไม่ใช่นมซึ่งมีโซเดียมและไขมันทรานส์สูง อาจทำให้เกิดโรคติดเชื้อเรื้อรัง (NCD) หรือไขมันในเลือดสูงได้ ถ้าใครอยากกิน Ketogenic Diet จริง ๆ ต้องย้ำว่าไม่ควรกินติดต่อกันนาน ๆ เหมือนหลักการลดน้ำหนักอื่น ๆ เพราะอาจทำให้ร่างกายไม่ได้รับ สารอาหารที่ควรได้รับ เนื่องจากอาหารคีโตเจนิคจะเน้นการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงมากขึ้น รวมถึงคาร์โบไฮเดรตส่วนน้อยเพียง 5% เท่านั้น แถมยังมีการศึกษาพบว่าคีโตเจนิคไดเอทช่วยลดน้ำหนักอย่างได้ผลในช่วง 6 เดือนแรก ซึ่งหลังจากนั้นน้ำหนักจะลดไม่สม่ำเสมอ ไม่เหมือนกับหลักการลดน้ำหนักอื่น ๆ

ติดดตามเรื่องสุขภาพได้ที่ : เคล็ดลับสุขภาพดี

 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : ramahealthy

ติดต่อสอบถาม และ เข้าร่วมกิจกรรม ได้ที่ LINE : @UFA656

โปรดยืนยันว่าคุณบรรลุข้อกำหนดด้านอายุตามกฎหมาย (18 ปีขึ้นไป) เพื่อดำเนินการต่อ