ramahealthy

ทำความรู้จักสะเดา

ทำความรู้จักสะเดา

ทำความรู้จักสะเดา

สะเดาเป็นไม้ยืนต้น ทรงพุ่มกลมสูง 10-15 เมตร ลำต้นสีน้ำตาลอมเทาถึงเทาเข้ม ผิวเปลือกลำต้นมักแตกเป็นร่องเล็ก ๆ ใบเป็นสีเขียว ดอกหอกมีกลิ่นหอมเล็กน้อยและมักเป็นสีขาวหรือสีเทา ผลและเมล็ด มีลักษณะเป็นพวงคล้ายองุ่น ผลกลมรี เนื้อผลเมื่อสุกมีสีเหลืองอมเขียว

 

เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้นและสภาพดินแห้งไม่อุดมสมบูรณ์ เช่น ดินเหนียว ดินเหนียว ดินทราย จึงจัดได้ว่าเป็นพืชที่ปลูกง่ายและทนต่อสภาพแวดล้อมได้หลากหลาย ดังนั้นชาวบ้านจึงนิยมปลูกต้นสะเดาไว้ริมรั้วหรือคันนาเพื่อให้ร่มเงา รวมทั้งใช้ประโยชน์อื่น ๆ เช่น เก็บดอกและยอดบริโภคจนถึงเนื้อไม้ใช้ก่อสร้างหรือทำเครื่องเรือน

 

ไข้, ไข้, ปวดหัว

 

ต้นอ่อนและดอกสะเดาใช้เป็นผักสดจิ้มน้ำพริกหรือนำใบและดอกมาตากแห้งเพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ เช่น ไข้ ตัวร้อน ปวดศีรษะ หรือมีน้ำมูกไหล จากนั้นเติมน้ำแล้วนำไปต้ม กินได้

 

มีแคลเซียมสูง

 

สะเดา 1 ถ้วย มีแคลเซียมมากถึง 354 มก. ซึ่งถือเป็นผักที่มีแคลเซียมสูงเป็นอันดับ 3 จึงมีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน สำหรับผู้สูงอายุความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมจะลดลงและกระดูกเริ่มอ่อนแรง

 

ลดความเสี่ยงมะเร็ง

 

งานวิจัยบางชิ้นพบว่า ดอกและยอด รวมทั้งเปลือกและผลของสะเดามีสารโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides) และลิโมนอยด์ (Limonin) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่าแมคโครฟาจให้ทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเนื้องอกและมะเร็งต่าง ๆ

 

ช่วยย่อยอาหารและขับน้ำดีเข้าสู่ลำไส้มากขึ้น

 

แม้ว่ารสขมจะทำให้หลายคนไม่ชอบรับประทานสะเดา แต่ความขมตรงนี้ไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำดีเพื่อช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารได้ดีขึ้น ขับออกง่าย และที่สำคัญน้ำดีที่ขับออกมายังช่วยให้การย่อยอาหารไขมันดีขึ้นด้วย ช่วยลดการเกิดไขมันสะสมในร่างกายได้อีกทางหนึ่ง

 

รักษาแผลในช่องปากและแก้ไข้

 

ถ้าเอายอดสะเดามาลวกน้ำร้อน 2-3 น้ำแล้วกินกับข้าว จะช่วยคลายความร้อนในร่างกายและช่วยรักษาแผลในปาก เช่น ปากนกกระจอก แผลในปาก รวมถึงรักษากลิ่นปาก เปลือกสะเดาหากต้มกับเกลือประมาณ 10-15 นาที แล้วใช้วันละ 2-3 ครั้ง ช่วยรักษาโรคเหงือกอักเสบหรือโรคเหงือกอักเสบ

 

คนไทยรู้จักรับประทานดอกและยอดสะเดามานานแล้ว นิยมรับประทานเป็นผักสดกับปลาดุกย่าง น้ำพริกปลาย่าง น้ำพริกปลาร้า ลาบหอยขม แกงอ่อม ต้มส้ม แกงขนุนอ่อน หรือจะจิ้มกับน้ำปลาหวานเป็นเมนูน้ำปลาสะเดาก็ได้

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากทั้งดอกสะเดาและดอกตูมสดมีรสขมซึ่งจะขมมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพืชนั้น ๆ ทุกสายพันธุ์ที่มีในท้องถิ่นหากต้องการความขมน้อยลงให้ทำ ดังนั้นชาวบ้านจึงมักห่อดอกและหน่อสะเดาด้วยใบตองแล้วย่างไฟอ่อน ๆ จนใบตองเป็นสีน้ำตาลเพื่อให้น้ำมันของดอกและยอดสะเดาระเหยออก วิธีการทำให้ขมน้อยลงนี้เรียกว่า “สะเดาไฟ”

 

อีกวิธีหนึ่งคือแช่ข้าวในน้ำข้าวสุกตอนข้าวสุกเรียกว่า “ข้าวดง” เทน้ำข้าวร้อน ๆ ราดสะเดา ที่ใส่ไว้ในหม้อจนมิดแล้วพักไว้ให้น้ำข้าวเย็น ดังนั้นค่อย ๆ เด็ดสะเดาออกมารับประทานจะได้สะเดาสีเขียวสวย ขมน้อยลง และรสชาติอร่อยขึ้น

 

แต่ถ้าใครอยากเก็บใบสะเดาจากต้นแบบไม่ขมเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาลดความขมลงให้เลือกใบสะเดามาทานโดยสังเกตจากสีของใบถ้าสะเดาเป็นมันหรือ ไม่ขมใบจะเขียวหมด แต่ถ้าปลายและยอดของใบเป็นสีแดง แสดงว่ามีรสขม ดังนั้นควรดูให้ดีก่อนหยิบ จะได้เลี่ยงใบที่มีรสขมได้

 

ติดดตามเรื่องสุขภาพได้ที่ : สมุนไพรรักษาโรค

 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : ramahealthy

ติดต่อสอบถาม และ เข้าร่วมกิจกรรม ได้ที่ LINE : @UFA656

โปรดยืนยันว่าคุณบรรลุข้อกำหนดด้านอายุตามกฎหมาย (18 ปีขึ้นไป) เพื่อดำเนินการต่อ