น้ำผึ้ง

น้ำผึ้ง เป็นน้ำหวานที่ผึ้งผลิตโดยใช้น้ำหวานจากดอกไม้ พืชพันธุ์ชนิดต่างๆ น้ำผึ้งมักหมายถึงชนิดที่ผลิตโดยผึ้งน้ำหวานในสายพันธุ์ อาพีส เนื่องจาก เป็นผึ้งเก็บน้ำหวานให้คุณภาพสูง และสามารถเลี้ยงระบบกล่องได้ น้ำผึ้งมีประวัติการบริโภคของมนุษย์มายาวนาน และถูกใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด น้ำผึ้งยังมีบทบาทในศาสนาและสัญลักษณ์นิยม รสชาติของน้ำผึ้งแตกต่างกันตามน้ำหวานที่ได้มา และมีน้ำผึ้งหลายชนิดและเกรดที่สามารถหาได้
น้ำผึ้งเดือน 5 คือ น้ำผึ้งที่ไม่มีน้ำมาเจือปน น้ำผึ้งจะหอม หวาน มีความเข้มข้นกว่าน้ำผึ้งเดือนอื่นๆ และยังสามารถเก็บไว้ได้นาน เพราะเดือน 5 คือ ช่วงปลายเดือนมีนาคม – เมษายน ( การนับเดือนของไทยตามปฏิทินจันทรคติ ) ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อน อากาศแห้งแล้งที่สุด ทำให้มีความชื้นในชั้นบรรยากาศน้อยมาก น้ำผึ้งที่ได้ในเดือนนี้จึงมีความเข้มข้นสูงนั่นเองค่ะ
คุณค่าทางโภชนาการของน้ำผึ้ง
- คาร์โบไฮเดรต 82.4 กรัม
- น้ำตาล 82.12 กรัม
- เส้นใย 0.2 กรัม
- ไขมัน 0 กรัม
- โปรตีน 0.3 กรัม น้ำ 17.10 กรัม
- วิตามินบี 1 0.038 มิลลิกรัม 3%
- วิตามินบี 3 0.121 มิลลิกรัม 1%
- วิตามินบี 5 0.068 มิลลิกรัม 1%
- วิตามินบี 6 0.024 มิลลิกรัม 2%
- วิตามินบี 9 2 ไมโครกรัม 1%
- วิตามินซี 0.5 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุแคลเซียม 6 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุเหล็ก 0.42 มิลลิกรัม 3%
- ธาตุแมกนีเซียม 2 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุฟอสฟอรัส 4 มิลลิกรัม 1%
- โพแทสเซียม 52 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุโซเดียม 4 มิลลิกรัม 0%
- ธาตุสังกะสี 0.22 มิลลิกรัม 2%
ข้อควรระวัง ในการทานน้ำผึ้ง
- ทาน วันละ 1-2 ช้อนชา ประมาณ 20 g. แต่ไม่ควรมากกว่า 50 g./วัน
- ผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ป่วยไขมันในเลือดสูง เพราะน้ำตาลฟรุกโตส ส่งผลต่อระดับไขมันและไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดได้ ขัดขวางการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน ที่ทำหน้าที่จัดการน้ำตาล ซึ่งปกติแล้วผู้ป่วยเบาหวานเองก็มีความผิดปกติของการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินอยู่แล้ว ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานจึงควรปรึกษาโภชนากรหรือแพทย์ หากต้องการบริโภคน้ำผึ้ง
- สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ขวบ สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ สตรีที่ให้นมบุตร คนที่แพ้เกสรน้ำผึ้ง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน คนที่มีอาการท้องเสียหรือถ่ายเหลว และผู้ป่วยที่มีอาการอาเจียน หรือมีผิวหนังอักเสบเรื้อรังไม่ควรกิน ไม่ควรกินน้ำผึ้งร่วมกับเต้าหู้ ผักกุยช่าย หัวหอม และกระเทียม
- ไม่ควรใช้น้ำที่ร้อนจัดผสมน้ำผึ้ง ควรผสมน้ำอุ่นประมาณ 40 องศา เพื่อไม่ให้ทำลายคุณค่าของเอนไซม์ กรดอะมิโน และวิตามินในน้ำผึ้ง
ประโยชน์ สรรพคุณของน้ำผึ้ง
- บรรเทาอาการไอ และหวัด
- ช่วยลดความดันโลหิตสูง
- บำรุงประสาทและสมองให้สดชื่น แจ่มใส
- แก้โรคโลหิตจาง เนื่องจากน้ำผึ้งมีธาตุเหล็กซึ่งเป็นองค์ประกอบของฮีโมโกลบิน ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดแดง
- ช่วยคลายความเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลียจากการทำงาน เล่นกีฬา หรือการพักผ่อนน้อย
- ช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยระยะพักฟื้น
- ช่วยระงับประสาท อาการหงุดหงิด นอนไม่หลับ แก้ตะคริว
- ช่วยลดการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกาย
- ช่วยลดความเครียด
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และเพิ่มความกระจ่างใสบริเวณใบหน้า
- ลดกรดในกระเพาะ ช่วยให้อาหารย่อยดีขึ้น แก้ท้องผูก เนื่องจากน้ำผึ้งถูกดูดซึมได้ทันที เมื่อสัมผัสลำไส้ ต่างจากน้ำตาลชนิดอื่นที่คงค้างอยู่ และถูกเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์หรือกรด
- แก้เด็กปัสสาวะรดที่นอน เนื่องจากน้ำผึ้งมีน้ำตาลฟรุกโตส ซึ่งมีคุณสมบัติดูดความชื้นได้ดีกว่าน้ำตาลชนิดอื่น จึงสามารถดูดน้ำกลับและอุ้มน้ำไว้ ทำให้เด็กไม่ปัสสาวะรดที่นอน
วิธีเช็ค น้ำผึ้งแท้ น้ำผึ้งปลอม
- หยดน้ำผึ้งลงบนกระดาษทิชชู่ ถ้าน้ำผึ้งปลอมจะมีน้ำซึมออกมา ทำให้กระดาษทิชชู่ทะลุได้
- ตักขึ้นมาดู ถ้าตอนเทลงไปเป็นสายแสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้
- นำน้ำผึ้งไปละลายน้ำ ถ้าหากละลายยาก จะเป็นน้ำผึ้งแท้
- เทน้ำผึ้งลงบนฝ่ามือ หากล้างออกง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะ แสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้
- จุ่มไม้ขีดไฟลงในน้ำผึ้ง ถ้าจุดไฟติดจะเป็นน้ำผึ้งแท้แน่นอน
- น้ำผึ้งแท้ มดจะไม่ขึ้น
- ตรวจดูฉลากต้องมีสัญลักษณ์ อย