ramahealthy

ฝีกับสิวต่างกันอย่างไร

ฝีกับสิวต่างกันอย่างไร

ฝีกับสิวต่างกันอย่างไร

ฝีคือหนอง อักเสบที่ สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง มีกลิ่นเหม็นและ เจ็บปวดเมื่อสัมผัส หากพิจารณา ในระดับต่อไป เราสามารถแยก ความแตกต่าง ระหว่างฝีและสิวได้ ข้อสังเกตมีดังนี้ ฝีเกิดจากแบคทีเรีย มันดูใหญ่กว่าสิว เจ็บยิ่งกว่าสิวอีก ฉันมีอาการปวดมาก ฝีสามารถเกิดขึ้นได้ ทุกที่ในร่างกาย ข้างในและข้างนอก มักมีไข้ร่วมด้วย

ฝีที่ผิวหนัง เกิดจากการอุดตัน ของน้ำมัน หรือต่อมเหงื่อ ใต้ผิวหนัง และการอักเสบของรูขุมขน หรือเซลล์ผิว ที่ตายแล้ว ทำให้แบคทีเรีย แทรกซึมเข้าไป ในต่อมเหล่านี้ ดังนั้นระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย จึงผ่านกระบวนการอักเสบ เพื่อต่อสู้กับแบคทีเรีย ทำให้ฝีเกิดการอักเสบ และเติบโต แบคทีเรียส่วนใหญ่ ที่ทำให้เกิดฝี คือแบคทีเรีย

แบคทีเรียที่ทำให้เกิดฝี ได้แก่ Staphylococcus aureus และ Streptococcus pyogenes ซึ่งผลิตสารพิษ และทำลายเซลล์ และเนื้อเยื่อในร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันผลิตเซลล์ เม็ดเลือดขาว เพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ เซลล์ที่ตายแล้ว บางส่วนยังคงอยู่ในช่องว่างของฝี สะสมเป็นหนอง เนื่องจากการติดเชื้อ ยังคงอยู่ภายในฝี

อะไรทำให้เกิดฝี

ฝีส่วนใหญ่ เกิดจากการ ติดเชื้อแบคทีเรีย สามารถติดเชื้อ จากภายนอกหรือจากภายในได้ ฝีมีสองประเภท ฝีบนผิวหนัง และฝีที่เกิดขึ้น ในร่างกาย ก็อาจพัฒนาไปสู่โรคแทรกซ้อน ของโรคอื่น ๆ ได้

ฝีได้รับการรักษาอย่างไร บีบได้ไหม ถ้าเป็นฝี ไม่แนะนำให้บีบ แกะ ลอก หรือเกาเอง เพราะจะทำให้แบคทีเรีย แพร่กระจายไปทั่ว อาจทำให้การติดเชื้อ และการอักเสบแย่ลงกว่าเดิมได้ ดังนั้นหากพบว่า มีฝีควรไปพบแพทย์ ที่เป็นแพทย์ผิวหนัง รักษาก่อนแพร่กระจาย ฝีประเภทไหน ที่ฉันควรไป พบแพทย์ผิวหนัง

คุณควรไปพบแพทย์ทันทีหาก

มีไข้สูงเกิน 39 องศาเซลเซียส

การใช้สเตียรอยด์ในระยะยาว

การรับเคมีบำบัด ได้รับการคัดเลือก ให้ฟอกสีแล้ว

ฝีบนใบหน้ามีขนาดใหญ่กว่า 1 ซม.

ปรึกษากับแพทย์ผิวหนัง ที่ศูนย์ความงามศิครินทร์ เพื่อรับการวินิจฉัย และการรักษาทุกข้อกังวลด้านผิวหนัง บริการครบวงจร ทั้งใบหน้า รูปร่าง ผิวพรรณ และศัลยกรรมความงามอื่น ๆ

การเกิดฝีนั้นสัมพันธ์ กับเซลล์เม็ดเลือดขาว ของระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จึงมีแนวโน้มที่จะเกิดฝี มากกว่าคนทั่วไป เพราะร่างกายต้านทานเชื้อโรคได้ไม่ดี ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีความเสี่ยง ต่อการเกิดฝี ได้แก่

ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอมาก ๆ

ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดช่องท้อง

ผู้ป่วยที่ยังคงใช้สเตียรอยด์

ผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัด

ผู้ป่วยโรคลำไส้ใหญ่ บวมเป็นแผลเรื้อรัง

เบาหวาน มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็ง ผู้ป่วยเอดส์

ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือผิวหนังไหม้อย่างรุนแรง

ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเสพยา

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยง ต่อการเกิดฝี ได้แก่

และอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อม ที่ไม่ค่อยจะสะอาด

การอยู่ใกล้คนที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง

สภาพสุขอนามัยที่ไม่ดี

ฝีกับสิวต่างกันอย่างไร วิธีการรักษาฝีอย่างปลอดภัย

วิธีการรักษาฝีอย่างปลอดภัย

โดยปกติฝี จะแตกออกมาเอง อาการก็จะทุเลาลง หากใครมีฝีควรรักษาอย่างเหมาะสมดังนี้ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบฝีครั้งละ 10-15 นาที วันละ 2-3 ครั้ง ใช้น้ำอุ่นประคบฝี ซึ่งจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ในบริเวณที่เกิดฝี ฝีมีแนวโน้ม ที่จะระเบิดได้เอง

มือให้สะอาดอยู่เสมอ หากคุณสัมผัสกับฝีด้วยมือ ที่ไม่สะอาดก็อาจ ทำให้ฝีติดเชื้อได้ง่ายกว่าเดิม และอาจแพร่เชื้อ ไปสู่ผู้อื่นได้ อย่าบีบ บีบ หรือเจาะฝีที่ยังไม่สุก ไม่มีหนองที่ศีรษะ เนื่องจากแบคทีเรียอาจแพร่กระจาย ไปยังพื้นที่ใกล้เคียงได้

ฝีจะดีขึ้นภายในสองสัปดาห์ หากยังไม่เป็น ใหญ่ผิดปกติหรือคุณบีบฝีเองโดยไม่ตั้งใจ คุณควรไปพบแพทย์เพื่อทำความสะอาด และรักษาฝีอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการติดเชื้อและทำซ้ำ

ติดดตามเรื่องสุขภาพได้ที่ : โรคต่างๆ การรักษาสุขภาพ

 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : ramahealthy

แหล่งอ้างอิง : นงเยาว์ เทพ ยา. (2006). ความ มหัศจรรย์ ของ สบู่ สมุนไพร. วารสาร มหาวิทยาลัย ราชภัฏ ยะลา, 1(2), 156-164.

https://so04.tci-thaijo.org/index.php/yru_human/article/view/124807

ติดต่อสอบถาม และ เข้าร่วมกิจกรรม ได้ที่ LINE : @UFA656

โปรดยืนยันว่าคุณบรรลุข้อกำหนดด้านอายุตามกฎหมาย (18 ปีขึ้นไป) เพื่อดำเนินการต่อ