ระวังโรค เมลิออยด์
ระวังโรค เมลิออยด์

ระวังโรค เมลิออยด์ ผู้ที่มีแผลที่เท้า หลีกเลี่ยงการลุยน้ำโคลน
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ขอเตือนให้ระวังโรคเมลิออยโดสิส มักเกิดขึ้นบ่อยที่สุดในช่วงฤดูฝน ในช่วง 8 เดือนสุดท้ายของปีนี้ มีผู้ป่วยมากกว่า 1,400 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน คนหนึ่งเสียชีวิต กลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ได้แก่ เกษตรกร โดยเฉพาะผู้ที่มีบาดแผลที่เท้า ผู้ป่วยเบาหวาน คนที่สูบบุหรี่มาก-ดื่มแอลกอฮอล์มาก เชื้อสามารถทะลุผิวหนังได้ การสูดดมและรับประทานอาหารที่ปนเปื้อน วิธีป้องกัน หลีกเลี่ยงการเดินบนโคลนและน้ำ หากจำเป็นให้สวมรองเท้า อย่าอยู่กลางแจ้งในช่วงที่มีลมและฝน เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อนแบคทีเรียไม่ให้สูดดมเข้าไปในปอด รวมถึงแนะนำให้ดื่มน้ำต้มสุกทุกครั้ง
โรคเมลิออยด์คืออะไร
นพ.โอภาส การิกาวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโรคในฤดูฝนที่กรมควบคุมโรคให้ความสำคัญและติดตามอย่างต่อเนื่อง เป็นโรคเมลิออยด์หรือที่ชาวบ้านว่ากัน? สิ่งนี้เรียกว่าไข้ดิน เป็นโรคที่เกิดจากแบคทีเรีย แบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคนี้พบได้ในดินและน้ำ มันสามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้สามทาง
– ผ่านบาดแผลบนผิวหนัง
– ดื่มน้ำหรือกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
– สูดดมฝุ่นจากดินที่ปนเปื้อนเชื้อโรค อาการจะปรากฏประมาณ 1-21 วันหลังการติดเชื้อ อย่างไรก็ตามในบางกรณีอาจใช้เวลานานถึงหนึ่งปี ขึ้นอยู่กับปริมาณการติดเชื้อและภูมิคุ้มกันของแต่ละคน
อาการของโรคเมลิออยด์
อาการของโรคนี้ไม่เฉพาะเจาะจง จะมีความแปรผันคล้ายกับโรคติดเชื้ออื่น ๆ มากมาย เช่น
-เขามีไข้สูง
– คุณมีฝีบนผิวหนัง
-อาการระบบทางเดินหายใจ
-บางคนอาจมีอาการทางระบบประสาทด้วย
– อาจมีการติดเชื้อเฉพาะที่หรือการติดเชื้อและแพร่กระจายไปทั่วทุกอวัยวะ
ส่วนใหญ่มักเริ่มมีอาการไข้ ดังนั้นการวินิจฉัยโรคจึงทำได้ยาก คุณควรพึ่งพาการทดสอบในห้องปฏิบัติการเป็นหลัก เพื่อใช้ในการวินิจฉัยและการรักษา
กลุ่มเสี่ยงโรคเมลิออยโดสิส ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้มี 5 กลุ่ม ได้แก่
-ผู้ที่ทำงานเป็นเกษตรกรที่ต้องการสัมผัสดินและน้ำโดยตรงหรือสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่มีเชื้อโรคนี้อยู่ในร่างกาย เช่น แมว สุนัข หมู ม้า วัว ควาย แกะ หรือแพะ เป็นต้น
-ผู้ที่มีบาดแผลที่เท้า
– ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
– ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง
-ผู้ที่สูบบุหรี่หรือติดแอลกอฮอล์
นพ.โอภาส ยังระบุด้วยว่าปีนี้กำลังติดตามสถานการณ์อยู่ ในช่วงวันที่ 1 มกราคม ถึง 18 สิงหาคม 2564 พบผู้ป่วยโรคเมลิออยโดสิส 1,426 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและวัยทำงาน กรณีส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีอายุ 55-64 ปี รองลงมาคือ 45 ปี ตามลำดับ -54 ปี และผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี พบมากที่สุดในอาชีพเกษตรกรรม พื้นที่ที่มีผู้ป่วยสะสมอันดับ 1 ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาคือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ตามลำดับ โอกาสในการพบผู้ป่วยโรคเมลิออยโดสิสคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน
วิธีการรักษาโรคเมลิออยด์
โรคเมลิออยโดสิสสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ สามารถรักษาในโรงพยาบาลทั่วประเทศโดยผู้ป่วยต้องรับประทานทั้งชุดใช้เวลาประมาณ 20 สัปดาห์ นพ.วรยา เหลืองกอง ผู้อำนวยการภาควิชาโรคติดเชื้อทั่วไป ระบุว่า ไม่มีวัคซีนป้องกันโรคเมลิออยโดสิสได้ เขาอาจจะป่วยอีกแล้ว
วิธีป้องกันโรคเมลิออยด์ วิธีการป้องกันโรคดังกล่าวสามารถทำได้ดังนี้
-ผู้บาดเจ็บควรหลีกเลี่ยงการลุยลุยโคลนหรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรง หากจำเป็น ให้สวมรองเท้า ถุงมือยาง กางเกงขายาว หรือชุดดำน้ำ และทำความสะอาดร่างกายอย่างรวดเร็วด้วยน้ำสะอาดและสบู่
-หากมีบาดแผลบนผิวหนัง ให้ทำความสะอาดแผลทันทีด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับดินและน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท
-กินอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำต้มสุกทุกครั้ง
-หลีกเลี่ยงการสัมผัสลม ฝุ่น และตากฝน
– จำกัดและเลิกดื่มสุราหรือสูบบุหรี่ สิ่งนี้จะส่งผลให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นและต้านทานโรคได้ดีขึ้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
ติดดตามเรื่องสุขภาพได้ที่ : โรคต่างๆ การรักษาสุขภาพ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : ramahealthy
แหล่งอ้างอิง : สิงห์ สถิตย์สิริ, พงศ ศักดิ์ อุทัยสินธุเจริญ, ศันสนีย์ ไชยโรจน์, (2005). การสร้างเครือข่ายงานวิจัยโรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis) และ ชีววิทยาของเชื้อ Burkholderia pseudomallei: รายงาน วิจัย ฉบับ สมบูรณ์ (No. 84318). สำนักงาน คณะ กรรมการ ส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัย และ นวัตกรรม.
https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:84318