รากบัวเป็นยา
รากบัวเป็นยา

นี้คือแพทย์แผนจีน การใช้รากบัวเป็นยา ได้แบบไหน
เรื่องน่ารู้ กินรากบัวเป็นยาได้อย่างไร สไตล์การแพทย์แผนจีน สำหรับชาวไทยเราคงคุ้นเคยกับการใช้ดอกบัวในรูปแบบต่าง ๆ กันดีอยู่แล้ว วันนี้ชีวจิตอยากจะเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนให้คุณฟัง ขอขอบคุณข้อมูลจาก นพ.ศรัญญา สาครินทร์ แพทย์แผนปัจจุบัน โรงพยาบาลรามาธิบดี ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและโรคจากศาสตร์ตะวันออกและตะวันตก
ดอกบัว เป็นพืชน้ำประจำปี มีสองประเภท: ลำต้นและเหง้า ใบไม้ก็เรียบง่าย ก้านใบจะขึ้นจากใต้ เหนือ หรือเหนือน้ำ รูปร่างของใบบัวส่วนใหญ่จะมีลักษณะกลมและมีหลายประเภท ลักษณะทั่วไปของรากบัวคือ รากหรือเหง้ามีสีเหลืองขาวหรือสีงาช้าง แบ่งเป็นปล้องใต้ดิน ยาวและใหญ่ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ และแข็งเล็กน้อย หากตัดรากบัวตามขวางจะมีลักษณะเป็นรูกลม ๆ กลวง ๆ หลาย ๆ รู พอแก่ก็จะกลายเป็นฝักบัวที่มีเมล็ดบัวอยู่ข้างใน ทุกส่วนของดอกบัวมักใช้ในการรักษาต่อไปนี้ในตำราแพทย์แผนจีน
ใบบัว มีรสฝาดเล็กน้อยและมีรสเปรี้ยว มีคุณสมบัติช่วยบำรุงเลือด รักษาไข้และอุณหภูมิร่างกายลดลง จากนั้นนำไปตากแห้งเพื่อทำชา จะช่วยในการปัสสาวะและขจัดความชื้น
ดอกบัว มีรสฝาดแต่มีกลิ่นหอม ช่วยบำรุงหัวใจและแก้เสมหะ และช่วยให้การไหลเวียนโลหิตกลีบบัวสามารถช่วยให้คุณสงบสติอารมณ์ได้ ผ่อนคลายและสงบสติอารมณ์
เกสรบัว มีรสฝาดเล็กน้อยและขม เกสรสีเหลืองสามารถนำไปใช้เป็นยาไทยและจีนได้ โดยเฉพาะยาลม ยาหอม ยารักษาโรคหัวใจ เกสรบัวมีประโยชน์ในการบำรุง การลดอาการบวมน้ำอาจรักษาอาการไทฟอยด์ได้
อาบน้ำ ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ช่วยขับแก๊สออกจากกระเพาะอาหารได้ดี
เมล็ดบัว มีรสหวาน มัน ถือเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ดีที่ช่วยระบบย่อยอาหาร เสริมสร้างม้าม บรรเทาอาการเหนื่อยล้า บำรุงพลังงาน ช่วยฟื้นฟูความมีชีวิตชีวา และกำจัดเสมหะ และมีฤทธิ์ดับร้อนและดับกระหาย
เดอบัว เป็นส่วนหนึ่งของต้นกล้าชั้นในของเมล็ดบัวและมีรสขมมาก ลดความร้อนภายในและช่วยดับกระหาย หลอดเลือดหัวใจตีบขยายสามารถใช้เป็นส่วนผสมในยาแผนโบราณได้ มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ
ดอกบัวไหล มันมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมมาก ช่วยระงับความร้อนและเลือดออก ลดไข้หรือลดอาการอักเสบ เช่น อาเจียน ไอเป็นเลือด เลือดกำเดาไหล และช่วยรักษาการทำงานของปอด
วิธีรับประทานรากบัว
การรับประทานรากบัวอ่อนและการรับประทานรากบัวกรอบนั้นเป็นที่นิยมมาก ถ้าอยากนุ่มก็นึ่งเลย หากต้องการให้กรอบก็ให้ล้างน้ำแล้วลวกด้วยน้ำร้อนเล็กน้อย จากนั้นนำไปแช่ในน้ำเย็น หรือหั่นเป็นชิ้นแล้วแช่น้ำกับน้ำส้มสายชูเล็กน้อยแล้วต้ม มันจะทำให้กรอบอีกด้วย ปริมาณรากบัวที่เหมาะสมคือ 6 ถึง 12 กรัมต่อวัน หรือประมาณ 2 ถึง 3 ชิ้นต่อวัน
รากบัวควรใช้กับอาหารประเภทใด รากบัวสามารถใช้ผัดได้ ต้มเป็นซุปแล้วรับประทานกับข้าวต้ม หรือจะห่อแป้งแล้วทอดก็ได้ แต่ที่อยากแนะนำวันนี้คือเมนูรากบัวที่เรียบง่ายและมีประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับทุกคน
รากบัวหวาน รากบัว รากบัวหวาน ใช้วัตถุดิบ
รากบัว 500 กรัม หั่นเป็นชิ้นๆ
และน้ำตาลทรายแดงนั้น หรือน้ำตาลทรายขาวนั้น หรือว่าน้ำตาลมะพร้าว 250 กรัม
น้ำ 1.5 ลิตรนั้นเอง
ข้าวฟ่างแห้ง 100 กรัม
วันที่ 10 – 15
เกลือทะเล 1 ช้อนโต๊ะ
วิธี
ปอกเปลือกรากบัว ล้างด้วยน้ำสะอาด และหั่นเป็นชิ้นหนาพอสมควรหากต้องการ
เตรียมหม้อน้ำ ใส่น้ำลงบนกองไฟแล้วนำไปต้ม ใส่น้ำตาล เมื่อน้ำตาลละลาย ให้ใส่รากบัวที่สับไว้ลงไป ตามด้วยพุทราและลูกเดือย นำไปต้มอีกครั้ง ปรุงจนรากบัวนิ่ม เติมเกลือตามชอบ ปรับความหวานตามชอบ จากนั้นปิดไฟ ตักรากบัวและน้ำตาลที่ปรุงสุกแล้วลงในชาม เติมน้ำแข็งบดหรือน้ำแข็งก้อนตามต้องการ

รากบัว พุทรา รักษาโรค
พุทราช่วยเติมเลือด รักษาโรคโลหิตจาง เติมพลังงาน และอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนลูกเดือยนั้นมีใยอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น รากบัวและลูกเดือยทั้งสองช่วยในการย่อยอาหาร และบำรุงกระเพาะอาหารด้วยสูตรรากบัวต้มน้ำตาลที่สามารถดื่มแก้ร้อนได้ แร่ธาตุและวิตามินที่เพิ่มเข้ามาสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องเสียเรื้อรังและลดอาการปอดบวมและมีไข้ได้ เหมาะสำหรับบริโภคในฤดูร้อน
ติดดตามเรื่องสุขภาพได้ที่ : เคล็ดลับสุขภาพดี
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : ramahealthy
แหล่งอ้างอิง : Pattarathitiwat, P., Kaewpangchan, I., & Intipunya, P. (2022). ผล ของ ราก บัว ผง ต่อ คุณภาพ ของ ไอ ศ ครีม นม. Journal of Home Economics Technology and Innovation, 1(2), 71-76.