รู้จักกับ ไข้ทับระดู
รู้จักกับ ไข้ทับระดู

อาการและสัญญาณที่ควรพบแพทย์ ถ้าพูดถึงไข้ทับระดู หลายคนอาจเข้าใจผิดกับคำว่าไข้หวัดระหว่างมีประจำเดือน หรือมีประจำเดือนขณะเป็นไข้หวัด ความจริงแล้ว ไข้ไทฟอยด์ไม่ใช่ชื่อโรค เป็นอาการคล้ายกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual Syndrome: PMS) และมีความรุนแรงจนอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดได้
กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) สามารถเป็นได้ทั้งอาการทางร่างกายและจิตใจ เช่น ปวดเต้านม ปวดหลัง เหนื่อยล้า หรืออารมณ์แปรปรวน ซึ่งมักเกิดขึ้นประมาณสองสามวันหรือสองสัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน อาการของไข้ไทฟอยด์ยังพบได้บ่อยในช่วงเวลานี้ แต่อาจมีอาการรุนแรงกว่ากลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนปกติ และส่งผลต่อร่างกายได้มากขึ้น
รู้จักกับ ไข้ไทฟอยด์ อาการและสัญญาณที่ควรพบแพทย์
ไข้ทับระดูเกิดจากอะไร?
ไข้ทับระดูอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ในช่วงตกไข่ ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลงและระดับพรอสตาแกลนดินจะเพิ่มขึ้น สารพรอสตาแกลนดินเป็นสารที่มีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมน เมื่อสารนี้มากขึ้นจะทำให้มดลูกบีบรัดตัวจนทำให้ปวดท้องได้ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย หรือเป็นไข้ได้
นอกจากนี้ ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายที่ลดลงอาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง อารมณ์แปรปรวน จนรู้สึกเหมือนเป็นไข้หวัดจริง ๆ อีกทั้งระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงก็ส่งผลต่อสารเคมีในสมอง เช่น เซโรโทนิน ทำให้บางคนมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น รู้สึกอยากอาหารมากขึ้น ปัญหาการนอนหลับหรือภาวะซึมเศร้าเช่นกัน
อาการที่อาจเป็นสัญญาณของไข้ทับระดู
อาการของไข้ทับระดูอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ในกรณีส่วนใหญ่ไม่มีอาการรุนแรง และอาการต่าง ๆ จะหายไปได้เองเมื่อเริ่มมีประจำเดือนหรือไม่กี่วันหลังจากมีประจำเดือน แต่ในบางคนอาการอาจรุนแรงจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้เช่นกัน
อาการทั่วไปของไข้ทับระดูมีดังนี้:
มีไข้หรือหนาวสั่น
ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล
คลื่นไส้ เวียนศีรษะ
มีอาการปวดอย่างรุนแรงในช่องท้อง
ท้องอืด ท้องผูก หรือท้องเสีย
เหนื่อย เซื่องซึม ไม่มีแรง
รู้สึกตึงบริเวณเต้านมเมื่อกดแล้วเจ็บ
ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อหรือปวดข้อ
ปัญหาการนอนหลับเช่นการนอนไม่หลับ
คนส่วนใหญ่ที่เป็นไข้ทับระดูสามารถดูแลตัวเองได้ง่าย ๆ ที่บ้านด้วยการรับประทานยาแก้ปวดที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ ประคบร้อนบริเวณท้องน้อยที่เกิดอาการปวด. รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การดูแลสุขอนามัยด้วยการเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ ในช่วงที่มีประจำเดือน ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ
อย่างไรก็ตามหากมีอาการรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น ประจำเดือนมามาก ประจำเดือนมาไม่ปกติ รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม