รู้จัก ฝีมะม่วง
รู้จัก ฝีมะม่วง

ฝีมะม่วง ภาวะแทรกซ้อนของฝีมะม่วง
ทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่มีความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากขึ้น เนื่องจากไม่ทราบวิธีป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เมื่อมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ตัวเองเสี่ยงต่อการติดโรค โรคบางโรคก็รักษาได้ และบางโรคก็รักษาไม่หาย โรคบางชนิดอาจร้ายแรงและอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ Lymphogranuloma venereum LGV เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เรื้อรัง เกิดจากแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis เมื่อแบคทีเรียเหล่านี้เข้าสู่ผิวหนัง แผลจะปรากฏในช่องคลอดและทวารหนัก และน้ำเหลืองที่ขาหนีบจะเติบโตเป็นก้อน ทำให้เจ็บปวดและเดินลำบาก ฝีมะม่วง มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ฝี หากทวารหนักอักเสบและมีบาดแผลผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บปวดตลอดเวลา ถ่ายอุจจาระลำบาก ท้องเสีย และทวารหนักตีบ
โรคฝีมะม่วงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคนี้เกิดจากแบคทีเรีย trachomatis แบคทีเรียนี้ผ่านผิวหนังและทำให้เกิดแผลที่อวัยวะเพศหรือทวารหนัก อาจทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวมและเติบโตรวมกันเป็นฝีขนาดใหญ่ได้ คุณจะรู้สึกเจ็บปวดมากและเดินลำบาก นอกจากนี้หากทวารหนักมีการอักเสบหรือเป็นแผล คุณจะมีอาการปวดสะโพกอย่างต่อเนื่อง คุณอาจไม่สามารถถ่ายอุจจาระหรือท้องเสียได้ หรือทวารหนักอาจอุดตันจนทำให้เกิดโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบในสตรีที่เป็นฝีมะม่วงได้ สิ่งนี้อาจนำไปสู่การตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือปวดท้องน้อยเรื้อรังรวมทั้งมีภาวะมีบุตรยาก
สาเหตุของฝีมะม่วง
ฝีมะม่วงเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis ชนิด L1 L2 และ L3 C. trachomatis L1-L3 ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ทวารหนัก ช่องคลอด หรือการสัมผัสโดยตรงกับหนองจากฝีมะม่วง มีระยะฟักตัว 3 วัน ถึง 6 สัปดาห์ นับจากวันที่ติดเชื้อ บาดแผลที่อวัยวะเพศเกิดขึ้นบ่อยครั้ง การอักเสบของต่อมน้ำเหลืองเกิดขึ้นภายใน 10-14 วันหลังการติดเชื้อ และภายใน 10-30 วันหลังการติดเชื้อทางทวารหนัก มักเกิดฝีมะม่วงในโสเภณี คนที่มีแนวโน้มรักร่วมเพศก็เหมือนกับคนที่รักผู้ชาย และผู้ที่มีคู่นอนหลายคน นอกจากนี้ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันหรือใช้ยาสวนทวารบ่อยครั้ง
อาการของฝีมะม่วง
ฝีมะม่วงมี 3 ระยะ ระยะแรกคือ 3-30 วันแรกของการติดเชื้อ ผู้ป่วยจะมีอาการดังต่อไปนี้ ตุ่มหรือรอยถลอกเล็ก ๆ ที่ปลายอวัยวะเพศชาย หากทำออรัลเซ็กซ์อวัยวะเพศภายนอกและริมฝีปากของสตรี แผลเหล่านี้จะหายไปภายใน 2-3 วัน ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกแสบร้อนเมื่อปัสสาวะหลังจากระยะแรกผ่านไป 2-3 สัปดาห์ อาการระยะที่สองจะคงอยู่ประมาณ 10-13 วัน โดยผู้ป่วยจะมีอาการดังต่อไปนี้
ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบจะขยายใหญ่ขึ้น แดง บวมและเป็นก้อน กลายเป็นฝีมะม่วง หนองอาจไหลออกมาจากผิวหนังชั้นนอก อาการจะหายภายใน 8-12 สัปดาห์ มักเกิดในผู้ป่วยชาย คนที่ทุกข์ทรมานจากการติดเชื้อที่ริมฝีปากจะได้รับผลกระทบจากการติดเชื้อของต่อมน้ำลาย และต่อมน้ำเหลืองที่ปากมดลูก
ผู้หญิงที่ติดเชื้ออาจมีอาการปวดท้องส่วนล่างหรือปวดหลังส่วนล่าง เนื่องจากต่อมน้ำเหลืองโตจะอยู่ในช่องท้องผู้ที่ติดเชื้อทางทวารหนักอาจมีอาการท้องเสีย ท้องผูก และอุจจาระเป็นเลือด ปวดเมื่อต้องถ่ายอุจจาระ นอกจากนี้ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรง เช่น โรคตับและม้ามโตและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ การติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด ระยะที่ 3 อาการของฝีมะม่วงจะเกิดขึ้นในระยะนี้ หลังจากติดเชื้อหลายเดือนถึง 20 ปี ผู้ป่วยจะมีอาการดังต่อไปนี้
การอักเสบของลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
มีเลือดปะปนกับหนอง ของเหลวออกจากทวารหนักจะมีอาการคัน ท้องผูก ปวดทวารหนัก และรู้สึกถ่ายอุจจาระบ่อยเกินไปตลอดเวลา หากหนองไหลออกจากต่อมน้ำเหลืองในฝีเย็บ เนื้อเยื่อจะไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ไส้ตรงจะตีบตัน อวัยวะเพศอาจผิดรูปได้

ภาวะแทรกซ้อนของฝีมะม่วง
Fistulas พัฒนาทำให้เกิดความเสียหายและเป็นรู บริเวณทวารหนักเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างทวารหนักกับช่องคลอด หรือมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บริเวณขาหนีบ
มีอาการบวมที่อวัยวะเพศภายนอก เนื่องจากการอุดตันของท่อน้ำเหลืองในบริเวณอวัยวะเพศ Fibrosis เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศทั้งชายและหญิง การอักเสบเกิดขึ้นในสมอง ดวงตา หัวใจ และตับ รวมถึงในปอดบวม ลำไส้อุดตันเนื่องจากแผลในทวารหนัก และหดตัว ต่อมน้ำเหลืองอักเสบที่ขาหนีบ มะม่วงรักษาฝี
การรักษาทางการแพทย์
รักษาโรคติดเชื้อและป้องกันแบคทีเรียไม่ให้ทำลายเนื้อเยื่ออื่น ๆ ใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะ ได้แก่ Doxycycline ผู้ป่วยรับประทานยา 100 มก. วันละสองครั้งเป็นเวลา 21 วัน ผู้ป่วย Azithromycin azithromycin ได้รับขนาด 2 กรัมในช่วง 20 วัน
การผ่าตัด
แพทย์จะระบายของเหลวออกจากบริเวณที่เป็นฝี ลดอาการสิวมะม่วง หากผู้ป่วยบางรายมีอาการช่องทวารหนักตีบหรือมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงอื่น ๆ จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด หลังการผ่าตัดควรใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ คุณควรรักษาการนัดหมายกับแพทย์ของคุณด้วย จนกว่าการติดเชื้อจะหายขาด
การรักษาการบีบอัดฝี
ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่น จากนั้นบิดออกจนแห้งพอ กดบริเวณที่เจ็บปวดและบวมประมาณ 10-15 นาที ทำซ้ำทุก ๆ 8 ชั่วโมง
การป้องกันฝีมะม่วง
ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์และกิจกรรมทางเพศสำหรับผู้ที่ติดเชื้อโรคฝีมะม่วง หลีกเลี่ยงคู่นอนหลายคน
คุณควรล้างร่างกายและอวัยวะเพศและดื่มน้ำ และรับประทานยาปฏิชีวนะหลังมีเพศสัมพันธ์หรือทำกิจกรรมทางเพศ โรคฝีมะม่วงนี้เกี่ยวข้องกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายชนิด เช่น โรคเอดส์ โรคหนองใน และซิฟิลิส รวมถึงความเชื่อโบราณที่สืบทอดกันแบบปากต่อปาก ในการรักษาโรคฝีมะม่วง ผู้ป่วยไม่ควรรับประทานอาหารทะเล หูฉลาม หน่อไม้ สาเก เป็นต้น .เพราะจะช่วยส่งเสริมการสมานแผล ไม่มีการศึกษาทางการแพทย์ที่ยืนยันเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน แต่แพทย์ยืนยันอย่างชัดเจนในการรักษาคนไข้ที่เป็นสิวมะม่วงว่า ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้มีหนองไหลออกมามากขึ้น และอาจทำให้คุณหมดสติและมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันอีกครั้งได้ ส่งผลให้คู่ครองเกิดการติดเชื้อฝีมะม่วง