ramahealthy

รู้ไว้ใบแมงลัก

รู้ไว้ใบแมงลัก

รู้ไว้ใบแมงลัก

ใบแมงลักมาจากต้นใบแมงลัก กะเพราเป็นพืชล้มลุก สูงประมาณ 50 ซม. พบทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง กิ่งก้านของต้นกะเพรามีใบเดี่ยวสีเขียว ขอบใบเรียบ มีใบสีเขียวปกคลุมเป็นชั้น ใบมีขนนุ่มปกคลุม

เพราะเป็นพืชตระกูลเดียวกับใบแมงลักและกะเพรา ดังนั้นใบใบแมงลักจึงกินได้ คนไทยนิยมนำมาปรุงอาหารอย่างไรเพื่อช่วยดับกลิ่นคาวและเพิ่มความหอมของอาหาร โดยเฉพาะ เมนูแกงต่าง ๆ เช่น แกงเลียง แกงหน่อไม้ แกงอ่อม และอาหารพื้นบ้านของชาวอีสาน คนไทยก็มี ใบใบแมงลักมีหลายชื่อ คนเหนือเรียกใบกะเพรา คมเก้า คนอีสานเรียกว่าผักอีตู่

 

ด้วยความนิยมในการปรุงด้วยใบกะเพราและนำเม็ดแมงลักมาผสมกับอาหารและเครื่องดื่ม ความปรารถนาที่จะลดน้ำหนักทำให้คนไทยหันมาปลูกใบแมงลักมากขึ้นและขายใบแมงลักและเม็ดแมงลักในเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันพันธุ์กะเพราที่นิยมปลูกคือกะเพราศรแดง เพราะใบไม่เล็กเกินไป



หากรับประทานใบกะเพรา 100 กรัม จะได้รับพลังงาน 32 แคลอรี พร้อมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ วิตามินเอ บี1 บี2 บี3 วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก ทำให้ เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์มาก ผักที่มีประโยชน์



ใบใบแมงลักมีวิตามินหลายชนิดที่ช่วยบำรุงสุขภาพผิว ทั้งวิตามินบี 3 และวิตามินซีมีคุณสมบัติต่างกัน ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น กระจ่างใส ช่วยลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย ใบกะเพรา 100 กรัม มีวิตามินซีสูงถึง 78 มก.



ใบใบแมงลักมีธาตุเหล็ก จึงช่วยบำรุงเลือดและป้องกันโรคโลหิตจาง หากกินใบกะเพรา 100 กรัม จะได้ธาตุเหล็ก 4.9 มก. ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการขาดธาตุเหล็กนำไปประกอบอาหาร

 

เนื่องจากใบกะเพรา 100 กรัม มีวิตามินเอสูงถึง 10.6 กรัม ใบกะเพรามีคุณสมบัติในการบำรุงสายตา ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน ยังช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ประสาทตา นี่คือสาเหตุที่ทำให้จอประสาทตาเสื่อม (AMD) ในผู้สูงอายุเช่นกัน



นอกจากวิตามินเอแล้วใบกะเพรายังอุดมไปด้วยแคลเซียมและแร่ธาตุอื่น ๆ อีกด้วย ปริมาณแคลเซียมในใบกะเพรา 100 กรัมสูงถึง 350 มก. จึงมีฤทธิ์ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมลดลงและสภาพกระดูกไม่แข็งแรง



ใบแมงลักก็เหมือนกับผักอื่น ๆ ทานคู่กับอาหารที่มีกากใยสูงหรือใยอาหารสูงจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ขับถ่ายสะดวก ลดการสะสมของเสียในลำไส้ และลดโอกาสที่สารพิษในของเสียจะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้

 

คนไทยใช้ใบกะเพราในการปรุงอาหารต่าง ๆ เช่น ห่อหมก, แกงเลียง, แกงอ้อม, แกงคั่ว, ขนมจีนน้ำเงี้ยว เป็นต้น โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชาวบ้านนิยมนำมาประกอบอาหาร เช่น แกงเปรอะ หมกฮวด และส้มตำตามสะดวก เพราะรสชาติดีช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ต่าง ๆ

 

หากคุณต้องการซื้อใบกะเพราสำหรับทำอาหาร คุณควรทราบความแตกต่างระหว่างใบแมงลักและใบแมงลักเนื่องจากมีลักษณะคล้ายกันมาก ขนาดเริ่มต้นของใบใบแมงลักจะเล็กกว่าใบกะเพรา หากดูที่สีของลำต้น ลำต้นของใบแมงลักจะมีสีเขียวอ่อนเกือบขาว ลำต้นของใบแมงลักมีสีแดงอมม่วงและใบเป็นรูปไข่ปลายแหลม ขอบใบจะยาวหรือหยักไม่เหมือนใบกะเพราที่หยักและแบ่งออก ดังนั้น ถ้าใครจะซื้อใบกะเพราไปทำอาหารก็อย่าลืมจำและใส่ใจให้ดี เพื่อจะได้ซื้อหากันทำอาหารกัน

ติดดตามเรื่องสุขภาพได้ที่ : เคล็ดลับสุขภาพดี

 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : ramahealthy

ติดต่อสอบถาม และ เข้าร่วมกิจกรรม ได้ที่ LINE : @UFA656

โปรดยืนยันว่าคุณบรรลุข้อกำหนดด้านอายุตามกฎหมาย (18 ปีขึ้นไป) เพื่อดำเนินการต่อ