วัณโรค


ตรวจสุขภาพร่างกายเป็นประจำทุกปี โดยควรตรวจเอกซเรย์ปอด อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง รีบไปพบแพทย์ทันที หากสงสัยว่ามีอาการเสี่ยง วัณโรคสามารถติดต่อได้ ยิ่งคนที่เป็นวัณโรคปอด ที่มีเชื้อเสมหะยิ่งติดต่อง่าย ดังนั้น เมื่อพบว่าตนเองป่วยเป็นวัณโรคหรือเสี่ยงวัณโรค ควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะวัณโรคเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ โดยการกินยาให้ครบเป็นเวลา 6 – 8 เดือน
หากพบว่าตนเองมีอาการที่เข้าข่ายตามที่กล่าวไปควรรีบเข้าพบแพทย์ในทันทีไม่ควรปล่อยไว้ เนื่องจากอาการแทรกซ้อนของวัณโรค เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือการกระจายเชื้อไปยังอวัยวะอื่น ๆ ถือว่าอันตรายอย่างมากอาการไอของผู้ติดเชื้อจะไออย่างต่อเนื่องประมาณ 8 สัปดาห์ แต่ต่อให้ไอมากหรือน้อยกว่านั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นวัณโรคเสมอไป ต้องดูอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นร่วมด้วย และไม่ว่าอย่างไรการไอเรื้อรังเป็นเวลานานก็ควรที่จะต้องเข้าพบแพทย์อยู่ดี ไม่ควรปล่อยไว้นาน
รักษาวัณโรคได้อย่างไร ทำได้ด้วยการทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปกับการดูแลตนเองให้ดียิ่งขึ้น โดยยาที่ใช้ในการรักษาโรคนี้มักจะส่งผลข้างเคียงพอสมควรโดยเฉพาะตับ โดยจะแสดงผลข้างเคียงที่อันตราย ดังนี้ อาการตัวเหลือง มีไข้หลายวัน ไม่อยากอาหาร คลื่นไส้อาเจียนมีปัญหาด้านการหายใจและการมองเห็น ใบหน้าและคอบวมทำได้ด้วยการดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง ที่สามารถทำได้หลายวิธีทั้งการออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ หรือทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง หรือไม่เข้าใกล้ผู้ป่วยที่มีเชื้อ และตรวจสุขภาพโดยเฉพาะการเอกซเรย์ปอดเพื่อหาความเสี่ยง หรือฉีดวัคซีนป้องกันซึ่งมักจะถูกฉีดตั้งแต่เด็กแล้ว
วัณโรค ในประเทศไทยยังคงมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากยังขาดความตระหนักรับรู้ และยังมองว่าไม่ร้ายแรงขณะที่องค์การอนามัยโลกได้จัดให้ประเทศไทยติดอันดับ 14 ของโลกที่มีปัญหาวัณโรคสูงสำหรับสถานการณ์วัณโรคในประเทศไทย มีอัตราผู้ป่วย 156 ต่อแสนประชากร คาดว่าผู้ป่วยรายใหม่ และกลับเป็นซ้ำกว่า 108,000 รายต่อปี วัณโรคเกิดได้ในทุกอวัยวะของร่างกาย ส่วนใหญ่มักเกิดที่ปอดในขณะที่ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรคได้น้อยกว่า เพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายจะกำจัดเชื้อได้เองตามธรรมชาติ หรือหากเคยได้รับเชื้อมาก่อนแล้วผู้ป่วยมีสุขภาพแข็งแรง เชื้อก็จะไม่แสดงอาการใด ๆ เช่นกัน
กำลังใช้สารบางอย่าง เช่น สูบบุหรี่ ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ไม่มีบริการทางการแพทย์ และสาธารณสุขให้ผู้ป่วยได้เข้าใช้บริการ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรค เช่น กำลังอาศัยอยู่หรือเคยทำงานในสถานพยาบาล หรือกำลังอาศัย หรืออพยพมาอยู่ในประเทศที่มีการติดเชื้อวัณโรคสูง
ถึงแม้วัณโรคจะเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็สามารถกลับเป็นซ้ำได้เช่นกัน ดังนั้น เป้าหมายที่สำคัญในการรักษาคือ รักษาให้หายขาดเพื่อตัดวงจรการแพร่กระจายเชื้อ และป้องกันการดื้อยาของเชื้อวัณโรค การรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ มีบ้างแต่น้อย เช่น รักษาด้วยวิธีผ่าตัด ซึ่งจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีรอยโรคเฉพาะตำแหน่ง หรือรับประทานยาแล้วมีผลข้างเคียงสูง การป้องกันวันโรคทำได้ด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และระมัดระวังในการอยู่ใกล้กับผู้ป่วยวัณโรคเป็นเวลานาน ๆ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อสุขภาพ และความปลอดภัยของทุก ๆ คน
“วัณโรค” โรคติดต่อที่ทุกคนต้องทำความเข้าใจ

วัณโรค นับเป็นอีกหนึ่งโรคติดต่อที่ร้ายแรงทำให้เกิดการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ของสาเหตุการตายในประชากรไทย สามารถติดต่อกันได้ง่ายผ่านทางระบบทางเดินหายใจ ทำให้มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงต่อการติดเชื้อ วันนี้เราจึงมีข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับวัณโรคมาฝาก เพื่อให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจร่วมกัน“วัณโรค” เป็นโรคติดต่อจากคนสู่คนทางการหายใจโดยเชื้อจะแพร่จากผู้ป่วยไปสู่ผู้อื่น ทางละอองเสมหะขนาดเล็ก ๆซึ่งออกมาจากการไอ จาม หรือพูดเมื่อเกิดการสูดดมเชื้อจะเข้าไปจนถึงถุงลมปอดแล้วเกิดการอักเสบได้มีอาการไข้และไอเรื้อรังนานหลายสัปดาห์แรกเริ่มผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายไข้หวัด, ไข้หวัดใหญ่ หรือหลอดลมอักเสบมีอาการไอเป็นหลัก ระยะแรกไอแห้ง ๆ ต่อมาจะไอมีเสมหะเป็นสีเหลืองหรือเขียวมักมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ต่ำ ๆ ตอนบ่ายจะอ่อนเพลีย เบื่ออาหารร่วมด้วยอาจมีอาการเหงื่อออกตอนกลางคืน บางครั้งอาจออกมากจนโชกเสื้อผ้าและที่นอนจะอาการต่อเนื่องนาน ๒ – ๓ สัปดาห์ผู้ป่วยจะมีอาการไอถี่ขึ้น อ่อนเพลีย เบื่ออาหารมากขึ้น น้ำหนักตัวลดอย่างรวดเร็วบางรายอาจมีอาการแน่นหน้าอก, หายใจไม่สะดวก, หอบเหนื่อยง่าย หรือ เจ็บหน้าอกเวลาหายใจเข้าลึก ๆเนื่องจากมีภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปวด เยื่อหุ้มปอดอักเสบ หรือโรคลุกลามไปทั่วปอดรักษาโดยการให้ยาและอาจทำการเอกซเรย์ปอดดูว่ารอยโรคหายดีหรือยัง หลังให้ยาครบกำหนด
วัณโรคเป็นโรคติดต่อที่แพร่กระจายได้ง่าย ทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อการป้องกันที่ถูกต้องเหมาะสม และช่วยลดจำนวนผู้ป่วยให้เหลือน้อยลงในที่สุด วัณโรคติดต่อทางลมหายใจ เชื้อจะอยู่ในอากาศ หากสูดดมเข้าไปอาจติดเชื้อ ผู้ป่วยต้องกินยาให้ครบและตรงเวลาต่อเนื่อง 6 เดือน ห้ามลืเพราะจะทำให้ดื้อยา ระหว่างรักษาหากลืมกินยา ควรรีบพบแพทย์เพื่อปรับยาใหม่ ขณะไอหรือจาม ผู้ป่วยควรปิดปากด้วยผ้าหรือสวมหน้ากากอนามัยชนิดป้องกันวัณโรคโดยเฉพาะ หากคนในครอบครัวเป็นวัณโรค ควรแยกห้องนอนและของใช้ส่วนตัวออกจากผู้อื่น หากในครอบครัวยังไม่มีผู้ป่วย แต่มีอาการไอเรื้อรังควรรีบไปพบแพทย์

ขณะที่ปัจจุบันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 กำลังเป็นที่พูดถึงและแพร่ระบาดไปทุกทวีปทั่วโลกนั้น ในอดีตโรค วัณโรค ก็ถือเป็นโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจที่สร้างความหวาดกลัวและคร่าชีวิตของใครหลายคนเช่นเดียวกัน ซึ่งในวันที่ 24 มีนาคมของทุกปีถูกกำหนดให้เป็นวัน “วัณโรคโลก” เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องว่าปัจจุบัน โรควัณโรคไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดและสามารถรักษาได้ จะจริงเท็จอย่างไรนั้น ไปติดตามพร้อมกันเลยวัณโรคเป็นแล้วตายจริงหรือไม่ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสมัย 10-20 ปีก่อน ความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีทางการแพทย์นั้นยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ผู้ป่วยวัณโรคไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อีกทั้งยาในสมัยก่อนมีผลข้างเคียงเยอะ ทำให้ผู้ป่วยกิน ๆ หยุด ๆ กินยาไม่ครบจนเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาเป็น
สาเหตุทำให้เสียชีวิตลง ปัจจุบันวัณโรคไม่ใช่โรคที่น่ากลัวอีกต่อไป เพราะหากได้รับการรักษาที่ทันท่วงที กินยาจนครบก็สามารถรักษาได้ แต่ก็โอกาสที่จะกลับมาเป็นซ้ำได้เช่นเดียวกัน โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโรคได้คาดการณ์ตัวเลขของผู้ที่มีเชื้อวัณโรคอยู่ในร่างกายพบว่ามีมากถึง 54 ล้านคนทั่วโลก แต่จะมีผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้อยู่แค่ประมาณ 6-7 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับคนที่มีร่างกายอ่อนแอ ดังนั้นถึงแม้จะรักษาจนหายดีแล้ว แต่หากวันไหนที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานตกต่ำลง โอกาสที่จะกลับมาเป็นซ้ำก็มีความเป็นไปได้สูงขณะที่ปัจจุบันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 กำลังเป็นที่พูดถึงและแพร่ระบาดไปทุกทวีปทั่วโลกนั้น ในอดีตโรค วัณโรค ก็ถือเป็นโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจที่สร้างความหวาดกลัวและคร่าชีวิตของใครหลายคนเช่นเดียวกัน ซึ่งในวันที่ 24 มีนาคมของทุกปีถูกกำหนดให้เป็นวัน “วัณโรคโลก” เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องว่าปัจจุบัน โรควัณโรคไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดและสามารถรักษาได้ จะจริงเท็จอย่างไรนั้น ไปติดตามพร้อมกันเลย
การติดเชื้อของวัณโรคนอกจากจะติดเชื้อที่ปอดแล้ว สามารถลุกลามไปยังอวัยวะอื่นได้ ยกตัวอย่างเช่น การติดเชื้อขึ้นสมอง ต่อมน้ำเหลือง เยื่อหุ้มปอด ไขกระดูก ตับ ต่อมหมวกไต ฯลฯ ซึ่งถ้าหากการติดเชื้อลุกลามไปในอวัยวะส่วนอื่น การรักษาจะยิ่งยากขึ้น และอาจมีภาวะแทรกซ้อนมากขึ้นตามมา ซึ่งตัวเลขของการติดเชื้อที่ปอดอยู่ที่ประมาณ 70-80% ส่วนอวัยวะอื่น ๆ พบได้ประมาณ 20-30% ขึ้นอยู่กับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแต่ละคนและความรุนแรงของโรคด้วยขึ้นอยู่กับว่าเชื้อได้กระจายไปยังอวัยวะส่วนไหน เช่น ถ้ากระจายมาที่ต่อมน้ำเหลือง จะมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต มีก้อนอยู่บริเวณคอ ซึ่งหากดูภายนอกจะแยกไม่ออกว่าเป็นโรคมะเร็งหรือโรคอะไร ต้องใช้วิธีการตรวจชิ้นเนื้อถึงจะรู้ผล หรือถ้าเชื้อกระจายไปที่สมอง ส่วนมากจะพบในเด็กโดยจะมีอาการซึม ปวดศีรษะ ชัก แต่ถ้าพบในผู้ใหญ่จะมีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง คอแข็ง ชักหรือกระตุก เช่นเดียวกับเด็กความเชื่อนี้อาจเป็นความเชื่อของคนโบราณหรือคนสมัยก่อนเกี่ยวกับ วัณโรค โดยทั่วไปแล้วคนที่มีร่างกายปกติจะไอและหายได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่คนที่เป็นวัณโรคส่วนใหญ่จะเริ่มจากมีอาการไอเรื้อรัง ซึ่งอาการไอเรื้อรังนั้นต้องมีการไอติดต่อกันนานถึง 8 สัปดาห์ขึ้นไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่มีอาการไอเรื้อรังจะต้องเป็นวัณโรคเสมอไป เพราะต้องดูสัญญาณและอาการอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น น้ำหนักลด เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย มีไข้ ไอมีเลือดปน เจ็บหน้าอก หายใจขัด ฯลฯ หากใครมีอาการเหล่านี้ให้รีบมาตรวจทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้ครบ 100 วัน
ติดตามข้อมูลได้ที่ : โรคต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพ
สามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ : ramahealthy