ramahealthy

สารสะกัดจากธรรมชาติเอามาทำยา

ทางเราคือโรงงานผู้ผลิตและนำเข้าจำหน่ายขายส่งเคมีภัณฑ์ สารสกัด สารสกัดจากธรรมชาติ สารสกัดจากสมุนไพร สารสกัดจากพืชและสารสกัดจากผลไม้ เพื่อจำหน่ายเป็นสารตั้งต้นจากธรรมชาติสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตยา อาหารเสริม และเครื่องสำอาง อาทิ สบู่ ครีม โลชั่น น้ำหอม อาหารเสริมเพื่อดูแลสุขภาพ ฯลฯ และใช้เองภายในโรงงานของเราเอง สารสกัดของเราเป็นสารสกัดที่มีคุณภาพสากล ได้ใบรองรับถูกต้องตามกฎหมาย สามาถนำไปใช้กับ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ผลิตภัณฑ์ยา และ ผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหย

วิธีการสกัดสารสกัดจากธรรมชาติ (พืช) ทำอย่างไร?

ณ ปัจจุบันสารสกัดจากธรรมชาติหรือสารสกัดจากสมุนไพร สารสกัดจากพืช ได้ถูกน้ำมาประยุกต์และวิจัยใช้เข้ากับผลิตภัณฑ์ต่างๆอย่างมากมาย เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร อาหารเสริม เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ยารักษาโรค เป็นต้น เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญใส่ใจกับสุขภาพและความปลอดภัยมากขึ้นเรื่อยๆ จึงส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีการผสมสารสกัดจากสมุนไพร (พืช) ต่างๆได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก พืชสมุนไพรเป็นแหล่งของสารออกฤทธิ์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและความงามมากมาย สารสกัดที่ดีและมีประสิทธิภาพมักจะเป็นสารที่ออกฤทธิ์ที่เข้มข้น ซึ่งสารสกัดสมุนไพรที่ดีนั้นย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่นำมาใช้สำหรับการสกัด จะทำให้เมื่อสกัดออกมาแล้ว จะมีสารออกฤทธิ์ (Active compounds) ในปริมาณที่สูง โดยวิธีการสกัดสมุนไพรให้เข้มข้นและเป็นที่นิยมมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน และมีงานวิจัยการสกัดพืชสมุนไพรรองรับแล้วอีกมากมาย

การสกัดโดยวิธีนี้ คือ การสกัดสารออกฤทธิ์ออกจากเนื้อเยื่อพืชสมุนไพร โดยใช้ตัวทำละลายสัมผัสกับเนื้อเยื่อของพืชสมุนไพร และทิ้งไว้ตามระยะที่เหมาะสมจนกว่าจะได้สารสกัดพืชสมุนไพรออกมา การสกัดด้วยตัวละลายสามารถทำได้หลายวิธีเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น วิธีมาเซอเรชัน (Maceration) เช่น การหมักพืชสมุนไพร การเขย่า หรือ การคน กับตัวทำละลาย จนกระทั่งเนื้อสมุนไพรอ่อนนุ่ม และสารทำละลายแทรกเข้าไปในเนื้อเยื่อพืชสมุนไพร จนได้ผงสมุนไพรออกมา วิธีสกัดแบบนี้ เหมาะที่จะใช้กับพืชสมุนไพรที่ไม่แข็งมาก วิธีการสกัดโดยใช้ตัวทำลายสกัดเป็นวิธีที่ใช้มาอย่างยาวนาน ในการเลือกตัวทำลายนั้นควรจะเลือกจากสิ่งที่หาได้ง่ายและราคาไม่แพงมาก ตัวทำลายที่นิยมใช้คือ น้ำ ซึ่งใช้มาแต่โบราณ คนโบราณใช้วิธีการสกัดตัวยาสำคัญจากสมุนไพรต่างๆ โดยใช้การต้มสมุนไพรกับน้ำ ที่เรียกว่ายาหม้อ ซึ่งสารสกัดก็คือน้ำที่เคี่ยวให้งวด ตัวทำลายอีกตัวที่นิยมใช้คือแอลกอฮอล์ ที่รู้จักกันดีคือเหล้าซึ่งมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ ก็คือวิธีการทำยาดองเหล้า สารสกัดสำคัญก็จะละลายออกมากับแอลกอฮอล์ที่มีอยู่ในเหล้านั่นเอง แอลกอฮอล์ที่กล่าวถึงมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า เอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl alcohol)

การสกัดโดยวิธีนี้ เป็นการสกัดโดยปล่อยให้ตัวทำละลายไหลผ่านตัวสมุนไพรอย่างช้าๆต่อเนื่อง เพื่อละลายเอาสารออกฤทธิ์จากสมุนไพรให้ออกมา การสกัดแบบนี้ จะใช้เครื่องมือช่วยสกัดที่ชื่อว่าเครื่องเพอร์โคเลเตอร์ (Percolator) เหมาะกับการสักสมุนไพรหลากหลายรูปแบบ การสกัดวิธีนี้ต้องสกัดหลาย ครั้งเพื่อให้ได้สารสำคัญมากที่สุด วิธีคือ บดสมุนไพรให้ละเอียดทำการหมักให้พองตัวประมาณ 1ชั่วโมง หลังจากนั้นบรรจุผงสมุนไพรในเพอร์โคเลเตอร์ทีละน้อยให้เป็นชั้นๆใส่ตัวละลายลงไปให้ท่วมสมุนไพรทิ้งไว้ 1-2 วัน ต่อจากนั้นจึงไขท่อข้างล่างเพื่อให้สารสกัดออกมาแล้วเติมตัวทำละลายลงไปเรื่อยๆ จนการสกัดสารสกัดสมบูรณ์และบีบสารละลายออกจากกากจึงนำไปกรอง วิธีนี้เป็นวิธีการสกัดที่สมบูรณ์ เนื่องจากไม่ต้องใช้ความร้อนเพราะความร้อนอาจทำให้สารสกัดที่สกัดมีประสิทธิภาพด้อยลง แต่ข้อเสีย คือ สิ้นเปลืองน้ำยาสกัดและใช้เวลาที่สกัดนานการสกัดสมุนไพรต่อเนื่อง (Continuous extraction)

การสกัดโดยวิธีนี้ คือ การสกัดสมุนไพรหรือการสกัดสารสกัดจากพืชที่คล้ายกับวิธีเพอร์โคเลชัน แต่การสกัดแบบต่อเนื่องจำเป็นที่จะต้องใช้ความร้อนที่มีจุดเดือดต่ำเข้าช่วย ทำในเครื่องซอคเลต (Soxhlet extractor) ทำให้เกิดตัวทำละลายที่มีความร้อน ตัวทำละลายจะระเหยแล้ว กลั่นตัวผ่านสมุนไพรซ้ำไปมา จนได้สารสกัดสมุนไพรบริสุทธิ์  วิธีสกัดสมุนไพรแบบต่อเนื่อง (Continuous extraction)มักใช้ในกรณีที่ต้องการแยกน้ำมันออกจากสารสกัดบริสุทธิ์ วิธีสกัดนี้เหมาะสำหรับสกัดองค์ประกอบที่ทนความร้อนและประหยัดตัวทำลาย ข้อควรระวังในการสกัดวิธีนี้คือ ความร้อนที่ใช้ในการสกัดอาจทำให้สารเคมีบางชนิดในพืชสลายตัว

การสกัดสมุนไพร (พืช) ด้วยของไหลวิกฤติยิ่งยวด (Supercritical fluid extraction)

การสกัดสารด้วยของไหลวิกฤติยิ่งยวด เป็นเทคนิคการใช้ของไหลวิกฤติยิ่งยวด ซึ่งเป็นเทคนิคที่มีบทบาทต่อการสกัดผลิตภัณฑ์สารสกัดจากธรรมชาติ เช่น การสกัดสี กลิ่น และน้ำมันหอมละเหย เนื่องจากวิธีการนี้เป็นวิธีการที่สกัดได้ดีกว่าตัวทำลายของเหลวทั่วไป จึงเหมาะสำหรับการสกัดสารที่ไม่ทนความร้อน (Thermolabile compounds) เป็นองค์ประกอบสำคัญ โดยอาศัยแก๊สคาร์ยอนไดออกไซน์บริสุทธิ์ช่วย ซึ่งอาจมีตัวทำละลายร่วม (Co-Solvent) เพื่อให้สารสกัดดียิ่งขึ้น ของไหลวิกฤติยิ่งยวด ซึงหมายถึง ภาวะที่ไม่สามารถจำแนกได้ว่าสสารเป็นแก๊สหรือของเหลวซึ่งสามารถอธิบายได้จากแผนภาพสถานะอุณหภูมิและความดัน (Pressure-temperature phase diagram) ของสารบริสุทธิ์ใดๆส่วนมากการสกัดวิธีนี้มักใช้ในการสกัดน้ำมันหอมระเหย โดยปกติการกลั่นจะต้องใช้น้ำร้อนหรือไอน้ำเข้าไปแยกน้ำมันหอมระเหยออกมาจากพืช โดยการแทรกซึมเข้าไปในเนื้อเยื่อของพืช ความร้อนจะค่อยๆทำให้สารละลายออกมากลายเป็นไอ ปนมากับน้ำร้อนหรือไอน้ำ ข้อเสียของการสกัดวิธีนี้คือ ค่อนข้างจะยุ่งยากกว่าวิธีการสกัดด้วยตัวทำลาย เพราะต้องมีเครื่องมือเฉพาะการกลั่นด้วยน้ำและไอน้ำ (Water and Steam Distillation) จะใช้ตะแกรงรองของที่จะกลั่นให้เหนือระดับน้ำในหม้อกลั่น ต้มให้เดือด ไอน้ำจะลอยตัวขึ้นไปผ่านพืชหรือตัวอย่างที่จะกลั่น ส่วนน้ำจะไม่ถูกกับตัวอย่างเลย ไอน้ำจากน้ำเดือดเป็นไอน้ำที่อิ่มตัว เป็นไอน้ำที่ไม่ร้อนจัด ซึ่งการกลั่นวิธีนี้ ต้องมี หม้อกลั่น (Still) เครื่องควบแน่น (Condenser) และภาชนะรองรับ (Receiver) เป็นต้นตัวอย่างเช่นกาสกัดน้ำมันหอมระเหยอาศัยหลักการที่ใช้ไอน้ำจาการต้มน้ำ พ่นลงบนดอกไม้หรือหรือสมุนไพรที่ต้องการจะสกัด แล้วก็ทำการ ควบแน่นให้ไอน้ำกลั่นเป็นหยดน้ำ น้ำมันหอมระเหยจะแยกออกจากน้ำโยลอยอยู่ข้างบน น้ำที่ได้จะมีกลิ่นตามกลิ่นของน้ำมันหอมละเหยตัวอย่างการสกัดสารสกัดจากธรรมชาติจากสมุนไพร (พืช)

สมุนไพรสด สามารถนำเอาสมุนไพรในลักษณะของ ใบ ก้าน หัว ราก เง้า แล้วแต่ความเหมาะสมเพราะการที่เราจะนำสมุนไพรใดมาใช้ควรต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของสมุนไพรนั้นว่ามีประโยชน์ อย่างไร เช่นมีสรรพคุณ บำรุงผิว บำรุงผม เป็นต้น วิธีการหากใช้ใบก็นำใบมาปั่นกับเครื่องปั่นให้ละเอียด และกรองแยกออก ถ้าเป็นหัว ราก หรือ เง้า ก็นำมาหั่นเป็นแว่น แล้วมาต้มกับน้ำ จากนั้นก็กรองเอาแต่น้ำ ซึ่งสามารถนำเอาน้ำสกัดสมุนไพรมาแทนน้ำที่ใช้ในการละลายด่างได้ แต่ก็มีข้อควรระวังเพราะด่างเมื่อนำมาละลายน้ำจะเกิดความร้อนและอาจจะสามารถทำลายสารสำคัญในสมุนไพรได้ เพื่อเป็นการลดความเสียหายนี้ ควรนำน้ำสกัดสมุนไพรไปแช่แข็งในตู้เย็นให้เป็นน้ำแข็งก่อน ในกรณีของการทำสบู่เหลว หลังจากขั้นตอนการเตรียมหัวสบู่จะต้องละลายหัวสบู่ด้วยน้ำเช่นเดียวกันก็สามารถนำน้ำสมุนไพรมาละลายแทนได้สำหรับในกรณีที่สกัดด้วยตัวทำลายด้วยแอลกอฮอล์นั้น จะเห็นได้ว่าการใช้แอลกอฮอล์ในขั้นตอนการเตรียมสบู่นั้นมีไม่มากนัก จะพบในการทำเบสสบู่กลีเซอรีน หรือสบู่หลอมเท กับวิธีการทำสบู่เหลวโดยวิธีแอลกอฮอล์เท่านั้น ในกรณีของการทำซึ่งเบสสบู่กลีเซอรีนมีขั้นตอนที่ใช้ตัวทำละละยในการละลายสบู่ โดยอาจจะใช้เอทิลแอลกอฮอล์ หรือใช้โฟไฟลีนไกรคอน เป็นตัวทำลาย ดังนั้นเราจึงสามารถใช้ตัวทำลายทั้งสองชนิดมาสกัดสมุนไพรได้ ทั้งในรูปของสมุนไพรสดหรือสมุนไพรแห้ง โดยการนำเอาสมุนไพรมาแช่ในแอลกอฮอล์ทิ้งไว้สัก 7 วัน จากน้ำกองเอากากสมุนไพรออกไป โดยทั่วไปปริมาณสมุนไพรและแอลกอฮอล์ถ้าในกรณีของสดก็จะใส่แอลกอฮอล์ท่วมสมุนไพร ถ้าเป็นสมุนไพรผงก็ใช้สมุนไพรประมาณ 0.1 กิโลกรัม ต่อแอลกอฮอล์ 0. 5 กิโลกรัมเนื่องจากวัตถุดิบที่สำคัญในการทำสบู่ทุกประเภทคือน้ำมัน ดังนั้นเราสามารถจะใช้น้ำมันสกัดกลิ่นของสมุนไพรหรือดอกไม้ได้ วิธีการนี้เรียกว่า Oil infusion ทำโดยเอาดอกไม้หรือสมุนไพรแช่ในน้ำมันแล้วนำไปตากแดด ประมาณ 4-5วัน หรือนำไปทอดที่ไฟอ่อนๆสำหรับการสกัดน้ำมันหอมระเหยโดยใช้วิธีการกลั่นด้วยไอน้ำ (Distillation) สามารถจะดัดแปลงใช้เครื่องมือที่มีอยู่ภายในบ้านได้โดยใช้ลังถึง(ภาชนะมีฝาสำหรับใช้นึ่ง)อาหารที่ให้นึ่ง เพราะลังถึงนั้นอาศัยไอน้ำในการปรุงอาหาร จึงสามารถดัดแปลงมาใช้เป็นเครื่องมือในการสกัดน้ำมันหอมระเหย โดยการใส่น้ำลงไปในลังถึงพอประมาณ จากนั้นนำดอกไม้ หรือสมุนไพรวางไว้บนชั้นล่างสุดของลังถึง และว่างถ้วยขนาดพอเหมาะตรงกลาง ปิดฝาโดย คว่ำฝาลงให้ส่วนที่จับฝาลงอยู่ด้านในลังถึง เปิดไปต้มน้ำให้เดือด โดยนำน้ำแข็งวางบนฝาลังถึง เมื่อไอน้ำมาถูกความเย็นที่ฝา ก็จะกลายเป็นน้ำไหลลงมายังถ้วยที่วางไว้ ซึ่งจะมีน้ำมันลอยอยู่และน้ำกลิ่นดอกไม้ สามารถนำไปใช้ได้ แต่ส่วนใหญ่น้ำมันหอมละเหยจะมีน้อยมาก นอกจากสกัดด้วย ผิวมะกรูด เปลือกส้ม จะได้น้ำมันหอมระเหยค่อนข้างมาก 

 

สารสกัดต้านอนุมูลอิสระ 

 จัดเป็นกลุ่มที่มีสรรพคุณช่วยในเรื่องการฟื้นบำรุงผิวและซ่อมแซมร่างกายให้ดูอ่อนเยาว์ ซึ่งมีสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น  สารสกัดอเซโลร่าเชอรี่ (Acelora Cherry) เป็นวิตามินซีเข้มข้นที่เสริมสร้างผิวต้านทานและทำให้ผิวกระจ่างใส สารสกัดจากเบอรรี่ (Berry Extract) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและป้องกันโรคมะเร็งได้ สารสกัดใบบัวบก (Gotu Kola Extract)  เป็นวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตาและมีสารแคลเซียม ให้ไกลโคไซด์ (Glycosides) ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ และ สารสกัดเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) อุดมไปด้วยสาร Super-Antioxidant  ทีช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกานแข็งแรง เป็นต้น 

สารสกัดที่ช่วยบำรุงหัวใจ 

 เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานหนักและไม่ค่อยได้พักผ่อน ซึ่งมีสารสกัดจากธรรมชาติ อาทิ  คิวเทน (Co Enzyme Q10) ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจ  สารสกัดโสม (Gingseng Extract)  ช่วยเพิ่มสมรรถภาพขณะทำงานหรือออกกำลังกาย ทำให้เหนื่อยน้อยลง และ สารสกัดน้ำมันรำข้าว (Phytosterol Extract)  ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบตันลด Triglyceride เป็นต้น

สารสกัดที่ช่วยเรื่องลดน้ำหนัก 

 มักพบในอาหารเสริมทั่วไป ซึ่งมีสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดใบมะขามแขก ((Alexandria Senna Extract) ช่วยลดอาการท้องผูก  สารสกัดส้มแขก (Garcinia Extract) ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และสารสกัดจากสาหร่าย (Spirulina Extract) ช่วยลดอาการอยากอาหาร ทำให้อิ่มนานเป็นต้น 

สารสกัดกลุ่มที่ช่วยบำรุงผิวพรรณและความงาม 

 มักพบในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง ซึ่งมีสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น แอล-กลูตาโธโอน (L-Glutathione)  อุดมไปด้วย กรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ Cysteine, Glycine และ Glutamic acid  ช่วยปกป้องร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ  สารสกัดกวาวเครือ (Pueraria Extract) ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง (phytoestrogens)  สารสกัดโรสฮิบ (Rose Hip Extract) เป็นวิตามินซีธรรมชาติทำให้ผิวกระจ่างใส เป็นต้น 

ติดตามข้อมูลได้ที่ : โรคต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพ

สามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ : ramahealthy

ติดต่อสอบถาม และ เข้าร่วมกิจกรรม ได้ที่ LINE : @UFA656

โปรดยืนยันว่าคุณบรรลุข้อกำหนดด้านอายุตามกฎหมาย (18 ปีขึ้นไป) เพื่อดำเนินการต่อ