หลอดเลือดสมองโป่งพอง
หลอดเลือดสมองโป่งพอง

หลอดเลือดสมองโป่งพอง การสืบทอด โรค จากญาติสายตรง
นพ.อรรถวิทย์ เจริญศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลพระราม 9 ให้ข้อมูลว่า โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง จริง ๆ แล้วพบได้น้อยมาก การศึกษาพบว่าความชุกของโรคนี้มีประมาณร้อยละ 1-5 ของประชากรทั่วไป ในกลุ่มนี้มีเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่มีหลอดเลือดแตก อย่างไรก็ตาม อันตรายของโรคนี้อยู่ที่ความรุนแรงของโรค และอัตราการเสียชีวิตในกรณีโป่งพองแตกถึง 1 ใน 3
โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง cerebral aneurysm หรือโรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง cerebral aneurysm เกิดจากความผิดปกติที่ผนังหลอดเลือดในสมอง บางบริเวณบางกว่าบริเวณอื่น การรับมือกับแรงกดดันในหลอดเลือดแดงอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลให้บริเวณบางบริเวณได้ โป่งพองจะก่อตัวเป็นหลอดไฟและอาจแตกเมื่อใดก็ได้ ส่งผลให้สมองได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าผนังโป่งพองจะแตกเมื่อใด เราสามารถจำแนกปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสิ่งนี้ได้ หรือทำให้เกิดโป่งพองในสมองเป็น 2 กลุ่ม คือ
ปัจจัยที่สามารถแก้ไขได้หรือควบคุมได้ เช่น ความดันโลหิตสูง และการสูบบุหรี่ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเกิดโป่งพองและหลอดเลือดขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการแตกของหลอดเลือดอีก รวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการเกิดโรค เช่น ระดับไขมันในเลือดสูง การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาเสพติดหรือสารเสพติด รวมทั้งมีประวัติการบาดเจ็บที่สมองหรือโรคหลอดเลือดสมอง สิ่งที่ในกลุ่มนี้เชื่อว่าเป็นปัจจัยที่สามารถควบคุมหรือควบคุมได้ เพื่อหลีกเลี่ยงสภาวะนี้ ปัจจัยที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ในกลุ่มนี้อาจได้แก่ อายุ เพศ โดยเฉพาะผู้หญิง ประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง โดยเฉพาะญาติสายตรงหรือโรคทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น โรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพันผิดปกติ dysplasia ของเส้นใยกล้ามเนื้อ, กลุ่มอาการ Ehlers-Danlos,
กลุ่มอาการ Marfan และโรคไตที่มีถุงน้ำหลายใบ นายแพทย์อรรถวิทย์ยังพบว่า คนไข้โรคหลอดเลือดโป่งพองในสมอง บางคนอาจมีอาการปวดหัวเตือน sentinel heading ก่อนเกิดโรคหลอดเลือดสมองซึ่งเกิดจากการแตกของหลอดเลือดเล็กน้อย โดยปกติจะใช้เวลาไม่นานก่อนที่การแตกจะเกิดขึ้นจริง หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาทันเวลาจะช่วยป้องกันหรือลดโรคแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ บางคนอาจมีอาการทางระบบประสาทเนื่องจากการกดทับของหลอดเลือดโป่งพองขนาดใหญ่ เช่น ตาพร่ามัว หรือหนังตาตกเนื่องจากการกดทับของเส้นประสาทใบหน้าคู่ที่ 3 แต่อาการเหล่านี้เป็นเพียงส่วนน้อย
อย่างไรก็ตามโดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่มีอาการใด ๆ จนกระทั่งมันระเบิดและทำให้เลือดออกในชั้นใต้สมองของสมอง subarachnoid hemorrhage ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะรุนแรงมาก นอกจากนี้เลือดออกยังทำให้เกิดการอักเสบและบวมของสมองโดยรอบ ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า หมดสติ หรือชักได้ ระบบหายใจล้มเหลวอาจเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยบางราย หรือการเต้นของหัวใจผิดปกติซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดโป่งพองในสมองมากกว่าประชากรทั่วไป ได้แก่
ไม่ว่าจะมีประวัติครอบครัวเป็นโรคโป่งพองในสมองหรือมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองอักเสบหรือไม่ โดยเฉพาะญาติสายตรงคนแรกตั้งแต่สองคนขึ้นไป
ไม่ว่าจะมีประวัติครอบครัวเป็นโรคโป่งพองในสมองหรือมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองอักเสบหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีญาติสายตรงที่มีโรคหรืออาการที่อาจทำให้คุณเสี่ยงต่อการเกิดโรคโป่งพองในสมอง เช่น โรคไตที่มีถุงน้ำหลายใบ
คุณมีอาการหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับโป่งพองในสมอง เช่น การตีบของหลอดเลือดเอออร์ตา เอออร์ตาโคอาร์คเตชัน หรือข้อบกพร่องของลิ้นหัวใจพิการแต่กำเนิด เช่น ลิ้นเอออร์ตาแบบไบคัสปิด
การวินิจฉัยภาวะนี้ต้องได้รับการตรวจทางรังสีวิทยา โดยทำการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ CT scan หรือการถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก MRI เพื่อค้นหาความผิดปกติในหลอดเลือดที่ยึดเกาะ หากไม่พบความผิดปกติที่ชัดเจนแต่ยังสงสัยว่าเป็นโรคนี้ แพทย์จะทำการตรวจโดยใช้สายสวนเข้าไปในหลอดเลือดแดง angiogram ในสมอง เพื่อดูรายละเอียดความผิดปกติในหลอดเลือดในสมองอีกครั้ง โดยปกติจะทำการทดสอบเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการที่สงสัยว่าเป็นโรคเท่านั้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง subarachnoid hemorrhage ซึ่งควรตรวจสอบทุกกรณีว่า
สำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่มีกลุ่มเสี่ยงและไม่มีอาการผิดปกติใด ไม่แนะนำให้ตรวจคัดกรองภาวะนี้ สำหรับการรักษาโรคหลอดเลือดโป่งพองในสมอง โดยศัลยแพทย์ระบบประสาทผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งรวมถึงการรักษาด้วยสายสวนหลอดเลือด มีการใส่ขดลวดเพื่อป้องกันโป่งพอง และวิธีการรักษาโดยใช้การผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ อย่างไรก็ตาม การเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแพทย์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสภาพของผู้ป่วยในขณะนั้นยังคำนึงถึงรูปร่าง ขนาด และตำแหน่งของโป่งพองด้วย

อย่างไรก็ตาม เราสามารถป้องกันหลอดเลือดโป่งพองในสมองได้โดย
รักษาความดันโลหิตสูงให้อยู่ในขอบเขตที่ดี รับประทานยาและไปพบแพทย์เป็นประจำ ควบคุมอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีรสเค็มและมีไขมันสูง งดการสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาเสพติดทุกชนิด ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
หากบุคคลนั้นมีภาวะหลอดเลือดโป่งพองในสมองอยู่แล้ว แนะนำให้ไปตรวจสุขภาพกับแพทย์เป็นประจำ และสังเกตอาการผิดปกติของตนเอง โดยเฉพาะ ปวดศีรษะรุนแรงและความผิดปกติทางระบบประสาท อันตรายของโรคหลอดเลือดสมองไม่ว่าจะขาดเลือดหรือแตกก็เนื่องมาจากปัจจัยหรือสาเหตุหลักของโรคประจำตัวตลอดจนปัจจัยทางพันธุกรรมที่กล่าวมาข้างต้น ทั้งหมดนี้อาจส่งผลให้ทุพพลภาพหรือเสียชีวิตได้
ติดดตามเรื่องสุขภาพได้ที่ : เรื่องโรค รอบตัวน่ารู้
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : ramahealthy
แหล่งอ้างอิง : สายสุนี เจริญศิลป์, อรวรรณ กีรติสิโรจน์. (2015). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ (Doctoral dissertation, Naresuan University).