ramahealthy

ออกกำลังกายช่วงไหนได้ผลดีที่สุด

ในความเป็นจริงคือช่วงไหนก็ได้ที่ว่างและร่ายกายมีความพร้อม ซึ่งหมายถึงร่างกายต้องไม่ล้าและควรห่างจากการรับประทานอาหารเบาๆ อย่างน้อย 1 ชั่วโมง ถ้าเป็นมื้อหนักอย่างบุฟเฟต์ควรทิ้งระยะออกไป 2-3 ชั่วโมง เพื่อรอให้ร่างกายและเอนไซม์ต่างๆ ปรับเข้าสู่ภาวะปกติเสียก่อน ผู้ที่ชอบการออกกำลังกายช่วงเช้าแล้วรู้สึกไม่สดชื่น เหนื่อยเพลีย สาเหตุเกิดจากการขาดน้ำตาล จึงควรรับประทานอาหารเช้าเสมอ อย่าปล่อยให้ท้องว่างก่อนออกกำลังกาย หากไม่มีเวลาอาจรองท้องด้วยแคร็กเกอร์รสจืด 1-2 แผ่นสำหรับการออกกำลังกายช่วงบ่ายหรือค่ำก็ไม่ควรปล่อยให้ท้องร้องหลังออกกำลังกายเช่นกัน เนื่องจากร่างกายต้องการพลังงานประมาณ 2,000 กิโลแคลอรีในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่เมื่อมีการออกกำลัง ร่างกายสูญเสียพลังงานเพิ่มอีก 500 กิโลแคลอรี เมื่อพลังงานที่มีอยู่หายไป ร่างกายจะฟ้องว่าขาดสารอาหาร แต่ผู้ออกกำลังกายไม่ยอมเติมสารอาหารเข้าไป ร่างกายก็จะเข้าสู่โหมดจำศีลคือประหยัดพลังงาน ปิดการทำงานบางส่วนไป ส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลียได้ ส่วนใครที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย แนะนำให้ขึ้นลงบันไดแทนการขึ้นลิฟท์ เปลี่ยนจากขับรถไปรับประทานข้าวกลางวันก็เปลี่ยนเป็นเดินไป แม้การเดินขึ้นบันไดจะเผาผลาญแคลอรีได้ไม่มากเท่าออกกำลังกายแบบจริงจัง แต่สิ่งที่ได้มาคือกล้ามเนื้อได้ทำงานมากขึ้น ทำบ่อยๆ ก็สามารถเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อ มีผลให้การเผาผลาญดีขึ้นได้ผู้ที่ออกกำลังกายต้องการการพักผ่อนที่ถูกต้อง แบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่การพักระหว่างการฝึก โดยฝึกกล้ามเนื้อในลักษณะฝึกความทนทานควรมีเวลาพัก 45 วินาที ถ้าต้องการสร้างความแข็งแรงต้องพัก 3-5 นาที ส่วนการเพิ่มพลัง ในการยกน้ำหนักก็ต้องพัก 5 นาทีขึ้นไป เพื่อให้ร่างกายกลับมาฟื้นเต็มที่ และแบบที่ 2 คือการพักผ่อนหลังการฝึก หากออกกำลังกายระหว่างวันไม่หนักมาก ไม่หักโหมจนเกินไปอย่างการวิ่งจ๊อกกิ้งหรือการวิดพื้นนั้น สามารถทำได้ทุกวัน เนื่องจากร่างกายสามารถซ่อมแซมได้ทันภายใน 24 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นเวทเทรนนิ่งที่ค่อนข้างหนัก ควรพัก 2 วัน เพื่อให้กล้ามเนื้อและเซลล์ซ่อมแซมตัวเอง

เริ่มต้นออกกำลังกายด้วยอะไรก่อนก่อนดี? สำหรับหลายคนที่คิดวนเวียนว่าควรเริ่มต้นออกกำลังกายด้วยอะไรก่อน ต้องเตรียมชุด เตรียมตัว สมัครฟิตเนส หรือต้องวอร์มอัพ คูลดาวน์อย่างไร คำตอบคือ “ต้องเริ่มเลย” ทำอย่างไรก็ได้ให้ร่างกายได้ขยับ จะเป็นการออกกำลังกายในฟิตเนส วิ่งในสวนสาธารณะ หรือแม้กระทั่งการออกกำลังกายด้วยหลายกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถทำได้ในทุกที่ เพียงแค่ลุกขึ้นยกขา ยกแขนขณะนั่งทำงานในออฟฟิศ เปลี่ยนจากการขึ้นลิฟท์เป็นการเดินขึ้นลงโดยบันได หรือเดินใกล้ๆ แทนการขับรถหลายคนชื่นชอบในการออกกำลังกายจนติดเป็นนิสัย หากวันไหนไม่ได้ไปขยับเคลื่อนไหวร่างกายให้เหงื่อออกมักนอนไม่หลับ บางคนออกกำลังกายเพื่อรักษาหุ่นให้ฟิตแอนด์เฟิร์มตลอดเวลา ส่วนบางคนออกกำลังกายเพราะว่าห่วงสุขภาพเพราะอายุเริ่มมากขึ้นไม่อยากต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ ตอนแก่ ทั้งหมดทั้งมวลถือเป็นเป้าหมายที่ดีทั้งสิ้น แต่ทว่า การออกกำลังกายตอนเช้า หรือ ตอนเย็น แบบไหนดีกับร่างกายมากกว่า หลายคนอาจจะยังไม่ทราบวันนี้เราจะไปหาคำตอบพร้อมๆกันครับ ออกกำลังกายตอนเย็นดีกว่าจริงหรือ ? ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬากล่าวว่า ส่วนมากประสิทธิภาพในการออกกำลังให้ได้ดีอยู่ในช่วงตอนบ่ายๆ เย็นๆ เพราะอุณหภูมิในร่างกายเราจะสูงกว่าตอนเช้า ทำให้การเผาผลาญดี และไม่เหนื่อยเท่าตอนเช้าเนื่องจากร่างกายมีพลังงานสะสมจากการรับประทานอาหารมาตลอดวัน ฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายจะสามารถและมีปริมาณที่เหมาะกับการสร้างกล้ามเนื้อมากกว่าตอนเช้า

บางส่วนของงานวิจัยพบว่าหากออกกำลังกายตอนเช้าโดยให้เวลากับการวอร์มอัพให้นานขึ้นก็ช่วยให้การออกกำลังกายได้ผลดีมีการเผาผลาญได้พอๆกับตอนเย็นเนื่องจากอุณหภูมิภายในร่างกายสูงขึ้นขณะวอร์มนั่นเองสามารถใช้แรงได้นานกว่า เพราะมีพลังงานสะสมอยู่ตลอดทั้งวันสามารถเอามาใช้ได้ทันที นอกจากนี้ร่างกายจะหลั่งฮอโมนเอนดรอฟิน จะทำให้รู้สึกง่วงและทำให้หลับเป็นเวลาและหลับง่ายขึ้น ที่สำคัญหลังการออกกำลังกายจะทำให้ไม่รู้สึกหิว ทำให้หมดห่วงเรื่องอ้วนเพราะรับประทานมื้อเย็นเยอะเกินไปการออกกำลังกายตอนเช้าจะช่วยให้รู้สึกสดชื่นไปตลอดวัน โดยเฉพาะกับคนที่ชอบออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งที่สวนสาธารณะ (แต่ช่วงนี้ต้องระวังฝุ่นนิดนึงนะ) เพราะอากาศในตอนเช้าถือว่ามีมลพิษน้อย วิ่งไปฟังเพลงไป ได้รับวิตามินจากแดดยามเช้า และเมื่อร่างกายถูกกระตุ้น กล้ามเนื้อเริ่มทำงาน และมีการหลั่งสารเอนดอร์ฟินออกมา จะให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า และทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ นอกจากนั้น การออกกำลังกายตอนเช้ายังส่งผลให้ร่างกายมีการเผาผลาญพลังงาน และดึงไขมันสะสมมาใช้ระหว่างวันได้เยอะขึ้น เหมาะสำหรับคนที่กำลังคุมน้ำหนักและลดไขมันในร่างกาย แนะนำให้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอตอนเช้าตั้งแต่ 7.00-8.30 น.

ข้อควรระวังเมื่อออกกำลังกายตอนเช้า หากต้องการออกกำลังกายในตอนเช้า โดยเฉพาะกับคนที่อยากออกกำลังกายก่อนไปทำงาน ซึ่งต้องตื่นเช้าขึ้นอีกเป็นชั่วโมง สิ่งสำคัญคือต้องนอนให้พอ ไม่อย่างนั้น จะรู้สึกอ่อนเพลียมากขึ้น ทั้งยังเสี่ยงวูบ และทำให้การออกกำลังกายไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร สำหรับใครที่รู้สึกว่าไม่มีแรงจะลุกไปออกกำลังกายตอนเช้า แนะนำให้ทานขนมปัง หรือแครกเกอร์รองท้อง ให้ร่างกายมีน้ำตาล จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น และมีแรงออกกำลังกายค่ะสำหรับการเข้าฟิตเนสไปเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพราะร่างกายได้รับพลังงานจากการทานอาหารมาตลอดทั้งวัน ใครอยากฟิตเพิ่มกล้าม แนะนำออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งตอนเย็น จะช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้ดีขึ้น ทั้งยังเสี่ยงต่อการบาดเจ็บน้อยกว่า อีกหนึ่งข้อดีของการออกกำลังกายตอนเย็น ก็คือช่วยผ่อนคลายร่างกาย โดยเฉพาะกับชาวออฟฟิศที่นั่งทำงานหลังแข็งมาทั้งวัน การไปออกกำลังกายตอนเย็นช่วยให้กล้ามเนื้อได้ยืดเหยียด จะรู้สึกสบายตัวขึ้น นอกจากนั้น ฮอร์โมนเอนดอร์ฟินที่หลั่งออกมาระหว่างออกกำลังกาย ยังช่วยให้อารมณ์ดี และช่วยลดความเครียดที่สะสมมาทั้งวันได้อีกด้วยการออกกำลังกายตอนเย็น แนะนำให้ออกก่อนถึงเวลาเข้านอน 4-6 ชั่วโมง เพราะฮอร์โมนต่างๆ ที่หลั่งออกมาระหว่างออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า และตื่นตัว หากออกกำลังกายดึกเกินไปอาจทำให้นอนหลับไม่สนิท หรือนอนไม่หลับได้ นอกจากนั้น สิ่งที่หลายคนมักจะทำคือการอดข้าวเย็น ซึ่งต้องบอกว่าผิดถนัด เพราะเมื่อออกกำลังกาย ร่างกายสูญเสียทั้งพลังงาน และมวลกล้ามเนื้อ หลังจากออกกำลังกายตอนเย็นเสร็จแล้ว จึงควรทานอาหารประเภทโปรตีน อย่างไข่ อกไก่ เพิ่มด้วยผักต่างๆ เพื่อให้ร่างกายได้นำอาหารเหล่านี้เข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไปจากการออกกำลงกาย หากงดข้าวเย็น แทนที่จะได้เพิ่มกล้ามเนื้อ กลับทำให้ร่างกายทรุดโทรมลง และอาจเข้าสู่โหมดจำศีล ลดการเผาผลาญเนื่องจากต้องเซฟพลังงานเก็บไว้ ซึ่งทำให้ในอนาคตจะลดไขมันยากขึ้นกว่าเดิม สรุปแล้วออกกำลังกายตอนไหนดีกว่ากัน?

ไม่ว่าจะเป็นทีมออกกำลังกายตอนเช้า หรือทีมออกกำลังกายตอนเย็น สิ่งที่สำคัญกว่า คือ ความสม่ำเสมอในการออกกำลังกาย ในหนึ่งสัปดาห์ ควรหาเวลามาออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 3-4 วัน วันละไม่น้อยกว่า 15-30 นาที โดยเฉพาะคนที่ต้องการคุมน้ำหนัก หรือลดไขมัน ถ้าจะให้เห็นผล ต้องออกกำลังกายครั้งละ 30 นาทีขึ้นไป ร่างกายจึงจะเริ่มดึงไขมันที่สะสมไว้มาใช้ และควรทำควบคู่ไปกับการทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดของทอด ของมัน และของหวาน นอนหลับให้เพียงพอ ดื่มน้ำเปล่าให้มาก เท่านี้ก็ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น และฟิตแอนด์เฟิร์มพร้อมสู้กับโรคภัยต่างๆ ได้แล้ว สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลา หรือปลีกตัวยาก แนะนำให้ออกกำลังกายจากกิจกรรมในชีวิตประจำวันแทน เช่น ขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์หรือบันไดเลื่อน เดินช้อปปิ้ง ทำงานบ้าน เดินไปซื้อข้าวกลางวัน แม้จะผลาญแคลอรี่ได้ไม่เยอะเท่า แต่ก็ช่วยให้กล้ามเนื้อได้ทำงาน และเป็นการกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ดีขึ้นทีละนิดได้เช่นกัน

ติดตามข้อมูลได้ที่ : โรคต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพ

สามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ : ramahealthy

ติดต่อสอบถาม และ เข้าร่วมกิจกรรม ได้ที่ LINE : @UFA656

โปรดยืนยันว่าคุณบรรลุข้อกำหนดด้านอายุตามกฎหมาย (18 ปีขึ้นไป) เพื่อดำเนินการต่อ