โรคกระดูกพรุน

อันตรายของโรคกระดูกพรุนๆ
โรคกระดูกพรุน คืออาการที่ความแข็งของกระดูกน้อยลง จนทำให้เกิดความเสี่ยงขึ้นกับกระดูกหได้ โดยสาเหตุเกิดจากที่ที่อุบัติเหตุเล็กน้อยก็สมามารถทำให้กระดูกเปราะได้ ความสำคัญกับความอันตรายของโรคนี้คือ ถ้าเป็นเคสปกติทั่วไปเดินหกล้มกระแทกพื้นราบธรรมดา ๆ เราไม่เป็นอะไร อย่างมากเราอาจจะข้อเท้าพลิก เจ็บมือนิดหน่อย อาจจะเอามือยันพื้นได้ แต่บางคนที่เป็นโรคกระดูกพรุน ถ้าลื่นล้มบนพื้นเรียบ ๆ อาจจะเกิดกระดูกหักหรือแตกได้ มือยันพื้น ข้อมือหัก สะโพกกระแทกพื้น สะโพกหัก นี่คือความอันตรายของโรคกระดูกพรุน
สาเหตุ
กระดูกของคนเรามีการสร้างทำลายกระดูกอย่างสม่ำเสมออยู่ตลอดเวลา สำหรับคนที่อายุก่อน 29-34 ปี เรามีการสร้างและการทำลายกระดูก ที่มีระบบสร้างกระดูกมากกว่าการทำลาย เพราะฉะนั้น กระดูกอาจจะค่อย ๆ แข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากอายุ 29-34 ปี ช่วงประมาณ 4-11 ปี มวลเนื้อกระดูกจะคงที่ คือมีการสร้างและการทำลายที่สมดุลกัน หลังจากผ่านระยะนั้นไปคือประมาณอายุ 40 ปีเป็นต้นไป การทำลายกระดูกจะเริ่มมากกว่าการสร้าง เพราะฉะนั้น โดยธรรมชาติของเรา กระดูกจะค่อย ๆ บางลงเรื่อย ๆ จากการทำลายกระดูกที่เยอะกว่าการสร้างกระดูก เพราะฉะนั้น ยิ่งเราแก่ตัวไป กระดูกเราจะค่อย ๆ บางไปตามธรรมชาติ
การเติบโตของอาการกระดูกพรุน เกิดขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่า เราสะสมมวลกระดูกตั้งแต่ อายุแรกเกิดจนถึง อายุ 29 ปีไว้มากน้อยเพียงใด
อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องปัจจัยที่ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน ก่อนวัยอันควร คือ โรคประจำตัวของแต่ละคน และลักษณะการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน โรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นกระดูกพรุน ได้แก่ เบาหวาน โรคที่เกี่ยวกับโรคข้อ โรครูมาตอยด์ต่าง ๆ คนที่เป็นโรคไทรอยด์ โรคเกี่ยวกับต่อมพาราไทรอยด์ หรือต่อมหมวกไตมีปัญหา หรือกลุ่มที่ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นประจำ ก็จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนก่อนวัยอันควร
อาการ
โรคนี้จะไม่มีอาการอะไรให้เราเห็นเลย เขาจะแสดงอาการก็ต่อเมื่อกระดูกเราหักไปแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว การตระหนักถึงโรคนี้ การรู้ถึงความเสี่ยง การย้อนกลับไปมองตัวเองว่าเรามีความเสี่ยงหรือเปล่า จากนั้นเราถึงจะไปพิจารณาพบแพทย์ เพื่อที่จะตรวจมวลกระดูก หรือคำนวณความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหัก
การวินิจฉัยโรคกระดูกพรุน
ปัจจุบันการวินิจฉัยโรคกระดูกพรุนมี 2 แบบหลัก ๆ
- การตรวจมวลกระดูก เราไปพบแพทย์ แพทย์จะส่งให้เราไปเข้าเครื่องตรวจมวลกระดูก เราจะได้รับรังสีเพียงเล็กน้อย จากนั้นจะตรวจมวลกระดูกออกมา แล้วคำนวณตามค่าเฉลี่ยของประชากร ถ้ามวลกระดูกของเราอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ค่าเฉลี่ยของประชากรถึงระดับหนึ่ง เราก็จะสามารถวินิจฉัยเป็นโรคกระดูกพรุนได้
- วิธีการคำนวณความเสี่ยงในการที่จะเกิดกระดูกหัก แพทย์จะถามประวัติคร่าว ๆ แล้วจะคำนวณออกมา ความเสี่ยงนี้ชื่อว่า การคำนวณ frax score จะดูจากเพศ อายุ ดัชนีมวลกาย พฤติกรรมการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โรคประจำตัว การกินยาสเตียรอยด์ รวมถึงประวัติครอบครัวที่มีประวัติเป็นกระดูกพรุน ความเสี่ยง frax score จะคำนวณออกมาได้ 2 แบบ คือ คำนวณเรื่องความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหัก โดยทั่วไปในระยะ 10 ปี กับกระดูกหักบริเวณสะโพกในระยะ 10 ปี ถ้าค่าความเสี่ยง frax score ของกระดูกหักทั่วไปมากกว่า 20% ในระยะ 10 ปี หรือค่าความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกสะโพกหักมากกว่า 3% ในระยะ 10 ปี ก็จะต้องได้รับการวินิจฉัยเป็นกระดูกพรุน และต้องได้รับการรักษา
การรักษา และการดูแลตัวเอง
การกระดูกพรุนเป็นโรค ที่ต้องการรักษาด้วยยา เพราะฉะนั้น การรับประทานยา หรือ บางคนอาจจะเลือกใช้วิธีฉีดยาเพื่อรักษาอาการกระดูกพรุน เราควรจะพบแพทย์อย่างบ่อยครังสม่ำเสมอและกินยาให้พอเหมาะ
ส่วนเรื่องการดูแลตัวเอง
- ระวังเรื่องพลัดตกหกล้ม เนื่องจากเราเป็นโรคกระดูกพรุน เราล้มนิดเดียวเราอาจจะกระดูกหักได้ กระดูกหักแล้วชีวิตเปลี่ยนเลย เพราะฉะนั้นเรื่องการระวังพลัดตกหกล้มนี่สำคัญ การจัดของที่บ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เรื่องของขั้นบันไดต่าง ๆ เราอาจจะต้องไปจัดระเบียบบ้าน
- เราอาจจะต้องหมั่นไปเจอแสงแดด เนื่องจากแสงแดดจะช่วยให้ร่างกายเราสังเคราะห์วิตามินD ได้จากธรรมชาติ วิตามิน D จะช่วยให้แคลเซียมจากอาหารที่เรากินเข้าไปหรือจากอาหารเสริมที่เรากินเข้าไปดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีขึ้น ข้อแนะนำคือ เราอาจจะต้องไปเจอแสงแดดวันหนึ่งประมาณสัก 15 นาที เป็นแดดอ่อน ๆ อาจจะเลือกเป็นตอนเช้าหรือตอนเย็นก็ได้ อย่างน้อยวันละ 15 นาทีก็เพียงพอ
- การออกกำลังกาย การออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย การออกกำลังกายที่จะช่วยเพิ่มมวลกระดูกได้ ก็ต้องเป็นการออกกำลังกายที่มีน้ำหนักลงบริเวณข้อต่อต่าง ๆ เช่น การเดินเร็ว ๆ การวิ่งเหยาะ ๆ หรือการเต้นแอโรบิกสำหรับผู้สูงอายุจะช่วยเพิ่มมวลกระดูกได้ ทำให้มวลกระดูกแข็งแรงขึ้น นอกจากการออกกำลังกายจะช่วยเรื่องของมวลกระดูกแล้ว ยังจะช่วยให้กำลังกล้ามเนื้อมีสมรรถภาพที่ดี สมรรถภาพของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อต่าง ๆ จะดี และช่วยป้องกันการพลัดตกหกล้มได้อีกทางหนึ่ง
ติดตามข้อมูลได้ที่ : โรคต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพ
สามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ : ramahealthy