โรคทางจิต
โรคทางจิต

โรคทางจิตคืออะไร ทำไมคนรุ่นนี้ถึงป่วยกันเยอะ
อาการป่วยทางจิตหรืออาการป่วยทางจิต นี่เป็นหนึ่งในโรคที่คนไทยหลาย ๆ คนต้องทนทุกข์ทรมาน บางคนรู้เรื่องนี้ แต่หลายคนไม่รู้และเข้าใจผิดว่าตนเองแค่ป่วย เมื่อไปตรวจก็ไม่พบสิ่งผิดปกติที่ทำให้อาการแย่ลง เนื่องจากไม่มีการรักษาโดยตรงจึงควรใส่ใจและสังเกตอาการของตนเองและคนรอบข้างอยู่เสมอเพื่อดูว่าเป็นเรื่องปกติหรือไม่ มีอาการใด ๆ ที่บ่งบอกว่าคุณอาจมีอาการป่วยทางจิตหรือไม่ จึงสามารถป้องกันและรักษาได้ทันท่วงที วันนี้ Kapu.com จะพามาเรียนรู้เรื่องอาการป่วยทางจิต
ความเจ็บป่วยทางจิตหรือโรคจิตคืออะไร
ความเจ็บป่วยทางจิตหรือโรคจิต นี่คือภาวะสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ ความคิด หรือพฤติกรรม หรือหลายอย่างรวมกัน ซึ่งส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่ผิดปกติในคนปกติ มีภาพลวงตาของการไม่ได้สัมผัสกับความเป็นจริง อาจใช้คำพูดแปลก ๆ พูดไม่รู้เรื่อง สูญเสียการได้ยิน ประสาทหลอน ยิ้มหรือหัวเราะโดยไม่มีเหตุผล และอาจเก็บตัว ห่างเหิน ตื่นตระหนก หรือใช้ความรุนแรง ขึ้นอยู่กับโรคที่คุณเป็น อาการเหล่านี้ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวด หรือปัญหาเกี่ยวกับชีวิตทางสังคม การงาน และกิจกรรมประจำวันต่าง ๆ
สาเหตุของความเจ็บป่วยทางจิตคืออะไร
แม้ว่าจะไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของความเจ็บป่วยทางจิตส่วนใหญ่ก็ตาม แต่การวิจัยพบว่าอาการเหล่านี้หลายอย่างมีสาเหตุมาจากปัจจัยทางชีววิทยา จิตวิทยา และสิ่งแวดล้อมร่วมกัน
ปัจจัยทางชีววิทยา
ความผิดปกติในวงจรเซลล์ประสาท โดยเฉพาะเซลล์ประสาทที่เรียกว่าสารสื่อประสาท neurotransmitters มีสารเคมีนี้มากเกินไปหรือน้อยเกินไป อาจส่งผลต่อการคิด การรับรู้ และการทำงานของสมองในการใช้ชีวิตทางสังคม
พันธุศาสตร์ ครอบครัวที่มีสมาชิกที่ป่วยเป็นโรคทางจิต ผู้คนมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้มากกว่าปกติเพราะความผิดปกติบางอย่างอาจถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเครียด การถูกทารุณกรรม หรือเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ ที่อาจมีอิทธิพลหรือก่อให้เกิดความเจ็บป่วยทางจิตในกลุ่มนี้
อาการผิดปกติหรือความเสียหายของสมอง เช่น ภาวะสมองเสื่อม เนื้องอกในสมอง หรือการเจ็บป่วยทางร่างกายที่ทำให้สมองทำงานผิดปกติ เช่น โรคลมบ้าหมู ความผิดปกติของสมองที่เกิดจากการใช้ยา สารเสพติด สารพิษ และความเสียหายของสมองจากอุบัติเหตุ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยทางจิตด้วย
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์และก่อนคลอด: ทำให้สมองของทารกในครรภ์หยุดทำงานชั่วคราว เช่น ขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง อาจทำให้เด็กเกิดมาพร้อมกับออทิสติกได้ ปัจจัยทางจิตวิทยา การบาดเจ็บสาหัสในวัยเด็ก เช่น การล่วงละเมิดทางอารมณ์ ร่างกาย หรือทางเพศ เหตุการณ์ในวัยเด็กที่มีความรุนแรงและกระทบกระเทือนจิตใจ เช่น การเสียชีวิตของพ่อแม่หรืออุบัติเหตุ คุณมีความรู้สึกภายในว่าคุณไม่ดีพอ ขาดความนับถือตนเอง ปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อม พ่อแม่หย่าร้างหรือมีปัญหาครอบครัว
ชีวิตครอบครัวไม่สมบูรณ์ เช่น สภาพการเลี้ยงดูที่ไม่ดี และความสัมพันธ์ที่ไม่ดีภายในครอบครัว สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย กลุ่มเพื่อนและผู้ที่เกี่ยวข้องกับสังคม
เปลี่ยนงานหรือโรงเรียน ค่านิยมของคนในสังคม เช่น ถ้าเป็นผู้หญิงต้องผอมถึงจะสวยได้ จนทำให้คุณไม่อยากกินมากเกินไป กังวลว่าจะอ้วน หรือต้องโกหกตัวเองและคนรอบข้างว่าคุณรวยและมีสถานะถึงจะพอดี การติดแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือการใช้ยา เป็นของคุณหรือของสมาชิกในครอบครัว การใช้ยาในระยะยาวเพื่อรักษาอาการบางอย่าง

คนเป็นโรคทางจิตจะมีอาการอย่างไร
มาดูอาการเบื้องต้นกัน หรือถือเป็นพฤติกรรมผิดปกติทางจิตหรือเป็นอันตรายของผู้ที่มีความผิดปกติทางจิต ได้แก่ โดดเดี่ยว ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นหรือชอบปลีกตัวออกจากสังคม มักเหม่อลอยและพูดไม่ชัดถามและตอบคำถาม ความคิดยุ่งเหยิง พูดจาแปลก ๆ ใช้ภาษา คำพูด และคำศัพท์แปลก ๆ ยิ้ม หัวเราะโดยไม่มีเหตุผล หรือรู้สึกหดหู่ ห่างเหิน ไม่มีอารมณ์ใด ๆ นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไปขาดการดูแลตนเองและขาดความเอาใจใส่ต่อรูปลักษณ์ภายนอก การแต่งกาย และสุขอนามัย การไม่ตั้งใจ ขาดความสนใจต่อสิ่งรอบข้าง การหลงลืม เห็นภาพหลอนและมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถทำได้ และเชื่อในสิ่งที่คุณเห็นอย่างจริงจัง หูอื้อและเสียงในหูรบกวนเขาและเขาก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ
โรคทางจิตได้รับการรักษาอย่างไร
โรคทางจิตหรือโรคทางจิต แต่ละโรคอาจมีอาการหรือรายละเอียดโรคที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามความผิดปกติเหล่านี้สามารถรักษาให้หายหรือบรรเทาอาการได้ ผ่านวิธีการต่าง ๆ ไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำหรือคำแนะนำ ยาใช้เพื่อควบคุมอารมณ์และรักษาระดับสารสื่อประสาทในสมองให้เป็นปกติ การบำบัดด้วยไฟฟ้าใช้กระแสไฟต่ำและไม่เป็นอันตรายต่อสมอง คนไข้ที่ลองยา แต่ได้ผลไม่ดี
เปลี่ยนวิธีคิดด้วยจิตบำบัด ให้ผู้ป่วยได้รู้จักความพยายามของตนเองในการสร้างความสุขให้ตัวเอง มองด้านบวก และใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน อย่าจมอยู่กับอดีต อย่ากังวลหรือเครียดกับสิ่งรอบตัวมากเกินไป เปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของคุณ กินอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอ และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ปรับตัวให้เข้ากับคนรอบข้าง รวมถึงครอบครัว ชุมชน และสังคม โดยการฝึกการไม่แบ่งแยกทางสังคม จัดกิจกรรมกลุ่มบำบัดหรือเข้าร่วมกลุ่มที่คุณสนใจ
การใช้ครอบครัวบำบัดช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่ได้ผ่านการพูดคุยกับนักบำบัด ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดี และให้ญาติเข้าใจอาการเพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสมซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการของผู้ป่วยได้
ติดดตามเรื่องสุขภาพได้ที่ : เรื่องโรค รอบตัวน่ารู้
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : ramahealthy
แหล่งอ้างอิง : Bundasak, T., Chaowiang, K. O., Sittisongkram, S., & Poysungnoen, P. (2019). บทบาทพยาบาลในการดูแลบุคคลที่มีภาวะวิกฤตทางจิตใจ. The Journal of Prapokklao Hospital Clinical Medical Education Center, 36(1), 82-89.
https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ppkjournal/article/view/146471