ไขมันหมู

ไขมันหมู คือ เนื้อไขมันของหมูทั้งในรูปแบบที่เจียวแล้วและยังมิได้เจียว เดิมใช้เป็นหรือใช้แทนมันสำหรับประกอบอาหารโดยทั่วไปทั้งยังใช้เป็นเครื่องทาทำนองเดียวกับเนยด้วย แต่ปัจจุบันได้รับการใช้งานลดลง กระนั้น พ่อครัวและช่างทำขนมร่วมสมัยหลายแขนงยังนิยมใช้มันหมูยิ่งกว่าไขมันชนิดอื่น คุณภาพของมันหมูในการประกอบอาหารนั้นขึ้นอยู่กับว่ามันนั้นได้มาจากส่วนใดของหมูและได้รับการแปรรูปมาอย่างไร
องค์ประกอบของไขมันหมู
-ไขมันอิ่มตัว 37 เปอร์เซ็น
-ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 45 เปอร์เซ็น
-ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 8 เปอร์เซ็น
-กรดไขมันโอเมก้า3 4 เปอร์เซ็น
ประโยชน์ของมันหมู
“มันหมู” ได้ถูกระบุเอาไว้โดยนักวิทยาศาสตร์การอาหารว่า มันหมูเป็นแหล่งรวมของวิตามินบีและแร่ธาตุหลายชนิด รวมไปถึงยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากเสียยิ่งกว่าเนื้อแกะและไขมันจากเนื้อวัวอีกด้วย แม้ว่าจะฟังดูเหลือเชื่อ
แต่ผลวิจัยนี้ได้รับการรับรองโดยนักโภชนาการจากสิงคโปร์ให้การยืนยันว่ามันหมูประกอบด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวมากถึงร้อยละ 60 และยังมีกรดโอเลอิค ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นต่อร่างกาย ดีต่อหลอดเลือดหัวใจและช่วยบำรุงผิว รวมถึงช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายได้ดีเลยทีเดียว
การผลิต
วัตถุดิบในการผลิตไขมันหมูคือ เนื้อเยื่อไขมันที่สดและสะอาดของหมู ในอุตสาหกรรมโดยทั่วไปนิยมใช้การเจียวเปียก ผลิตภัณฑ์ที่ได้เรียกว่า Prime steam lard น้ำมันหมูที่ได้จากการเจียวแห้ง ไม่จัดเป็น Prime steam lard เนื่องจากมีสีและกลิ่นมากกว่า น้ำมันหมูที่เตรียมได้ในทางการค้าอาจนำไปผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์และกำจัดกลิ่น เพื่อให้ได้น้ำมันหมูที่มีคุณภาพตามมาตรฐานกำหนด น้ำมันหมูเป็นไขมัน ที่ให้กลิ่นรสที่เป็นยอมรับของผู้บริโภค และเป็นไขมันที่ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการการเติมไฮโดรเจน หรือกำจัดกลิ่น โดยมักนิยมนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์เนยขาว หรือชอร์ตเทนนิ่ง
น้ำมันหมูประกอบด้วยกรดไขมันอิ่มตัวร้อยละ 40 อีกประมาณ ร้อยละ 50 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีพันธะคู่ 1 พันธั และอีก 10 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีพันธะคู่มากกว่า 1 พันธะ ในประเทศทางตะวันตก ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำ น้ำมันหมูจะแข็งตัว จึงจัดเป็นไขมัน ในประเทศไทยซึ่งมีอุณหภูมิปกติ 30-32 องศาเซลเซียส น้ำมันหมูอยู่ในสภาพของเหลวจึงจัดเป็นน้ำมัน และนิยมนำไปบริโภคโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์
มันหมู เป็นอาหารสุขภาพอันดับ 8 ของโลก
ทีมนักวิทยาศาตร์ที่วิจัยอาหารกว่า 1,000 ชนิด เพื่อวัดคุณค่าทางโภชนาการของอาหารแต่ละชนิดที่คนทั่วไปรับประทานทำการเแสวงหาอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่สุดสำหรับประชากรโลก และได้เผยแพร่ลงในวารสาร The Plos One ซึ่งทำการจัดอันดับ 100 The world’s Most Nutritious Foods หรือ 100 อาหารที่มีคุณค่าทางอาหารดีที่สุด โดย 10 อันดับแรก คือ 1. อัลมอนด์ 2. น้อยหน่า 3. ปลาเพิร์ช 4. ปลาซีกเดียว 5. เมล็ดเจีย 6. เมล็ดฟักทอง 7. ผักสวิสชาร์ด 8. มันหมู 9. บีทกรีน 10. ปลากะพงแดง ทั้งนี้ “มันหมู” ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอาหารดีต่อสุขภาพอันดับ 8 ของโลก ด้วยคะแนน 73 จาก 100 คะแนน
ข้อเสีย
- มีพลังงานสูงมันหมู 100 กรัมให้พลังงานสูงถึง 900 กิโลแคลอรี่
- หากบริโภคมากเกินพอดี ทำให้เสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้
- หากบริโภคมากเกินไปทำให้เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ
สำหรับในปัจจุบันที่เมืองนอกเขาเริ่มกลับมาฮิตน้ำมันหมู (Lard) กันมากขึ้น เนื่องจากมีงานวิจัยจากหลากหลายสำนักยืนยันว่า น้ำมันหมูเป็นไขมันที่ได้มาธรรมชาติ ซึ่งเป็นไขมันชนิดอิ่มตัว ที่ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลและลดระดับคอเลสเตอรอลดได้ ทำให้เลือดไม่เหนียวข้น ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการใช้น้ำมันพืชหรือเนยประกอบอาหารอีกด้วย เห็นไหมคะมันหมูก็มีหัวใจเอ้ย มีข้อดีเหมือนกันนะ เพียงแค่ต้องเลือกรับประทานให้ถูกต้องและพอเหมาะเท่านั้นเอง